กรุงเทพฯ 19 ก.ค.-ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย “วิเคราะห์ส่งออกไทยครึ่งหลังปี 2566 : ภายใต้การเมืองที่ไม่แน่นอน” ย้ำหากยังไม่ได้รัฐบาลเกินเดือน ส.ค.นี้ ฉุดส่งออกปี 66 ติดลบสูง 2.5% แถมเจอปัจจัยลบภายนอกอีกมากมาย
รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการวิเคราะห์ทิศทางการส่งออกไทยทั้งปี 2566 และครึ่งหลังของปี 2566 ภายใต้ปัจจัยเสี่ยง และปัจจัยที่ต้องติดตามต่างๆ โดยผลการวิเคราะห์แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้ 1. กรณีที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในเดือนสิงหาคม 2566 คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดโลกในปี 2566 จะมีมูลค่าเท่ากับ 283,738 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ระหว่าง 282,038-289,422 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหดตัว -1.2% โดยครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 142,244 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 3.1%
2. กรณีที่ไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายในเดือนสิงหาคม 2566 คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดโลกในปี 2566 จะมีมูลค่าเท่ากับ 279,891 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหดตัว -2.5% และครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่าเท่ากับ 138,398 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัว 0.3%
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยที่ต้องติดตามที่สำคัญมีดังนี้ โดยปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
1. เศรษฐกิจโลกและคู่ค้าสำคัญชะลอตัว
2. เศรษฐกิจจีนอาจโตไม่ถึง 5%
3. การเมืองที่ยังไม่ชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า
4. อัตราการว่างงานของประเทศคู่ค้าที่สูงขึ้น
5. ค่าเงินที่ผันผวนจากอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐที่ทรงตัวในระดับสูง และมีโอกาสปรับขึ้น
6. เอลนีโญส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตร
7. ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก
ขณะที่ด้านปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่
1. ต้นทุนการผลิตที่สูง เช่น ค่าไฟฟ้า พลังงาน และค่าจ้าง
2. Inflation หรือ Disinflation
3. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
4. สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ
5. การลดการพึ่งพิงเงินสกุลดอลลาร์ (De-Dollarization) เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย