พาณิชย์ MOU โครงการ Family Business Thailand

กรุงเทพฯ 4 เม.ย. -พาณิชย์-สภาหอการค้าฯ- ม.หอการค้าไทย โครงการ Family Business Thailand เสริมศักยภาพธุรกิจครอบครัว ประเดิมโครงการแรกสมัครแล้ว 51 ธุรกิจ ทั้งกลุ่มผลิตสินค้าและบริการ


กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ลงนาม MOU จัดโครงการ Family Business Thailand สร้างธุรกิจครอบครัวของไทยให้มีความเข้มแข็ง ทายาทมีความรู้ในการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างเป็นระบบ เพราะกว่า 80% ของธุรกิจในประเทศไทยคือธุรกิจครอบครัว การสืบทอดธุรกิจจึงต้องใช้ความรู้ความเข้าใจและการสื่อสารในครอบครัวที่ดี เข้าใจถึงความแตกต่างของคนแต่ละช่วงวัย และเปิดใจให้คนรุ่นใหม่นำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โครงการนี้จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวสามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้ไม่รู้จบ

นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานและพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการ “Family Business Thailand กระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดพิธีลงนาม MOU โครงการ Family Business Thailand โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวอย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มทายาทธุรกิจ SME รายเล็ก สมาชิกเครือข่าย YEC ทั่วประเทศ 


ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการเร่งพัฒนาธุรกิจ SME ไทยให้มีความพร้อมในการแข่งขัน โดยเฉพาะการสืบทอดธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งมีอยู่ในทุกประเทศมาอย่างยาวนาน รวมถึงในประเทศไทยด้วย ปัจจุบันมีสัดส่วนราว 80% ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศไทย นับเป็นหน่วยขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี พบว่าธุรกิจครอบครัวต้องเผชิญกับปัญหาด้านการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด การบริหารความขัดแย้งที่มักจะเกิดจากความเห็นที่แตกต่างกันของคนในครอบครัวซึ่งมีประสบการณ์อยู่ในแต่ละยุคสมัย และการขาดองค์ความรู้ในการบริหารธุรกิจครอบครัวอย่างแท้จริง ดังนั้น MOU ฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่จะเชื่อมโยงให้ธุรกิจครอบครัวมีองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และการพัฒนาตลาดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่างๆ อันจะนำมาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ในการสร้างโอกาสทางการค้า ประกอบกับบริหารเครือข่ายให้แก่ธุรกิจครอบครัวสามารถสืบทอดต่อไปได้ อีกทั้งขับเคลื่อนและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SME ได้อย่างเป็นรูปธรรมสอดรับกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่มุ่งผลักดันให้ SME เพิ่ม GDP ให้ได้ไม่น้อยกว่า 40% ภายในปี 2570

จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ประเทศไทยมีธุรกิจครอบครัวที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ และบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 1,526 บริษัท หรือคิดเป็นร้อยละ 77.58 ของบริษัททั้งหมด และมีเพียงร้อยละ 30 ของธุรกิจครอบครัวเท่านั้นที่สามารถดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดและส่งผ่านไปสู่รุ่นที่ 2 ได้สำเร็จ และเพียงร้อยละ 12 สามารถส่งผ่านไปสู่รุ่นที่ 3 และมีเพียงร้อยละ 3 เท่านั้นที่รอดไปสู่รุ่นที่ 4 ตามลำดับ จึงเป็นความท้าทายของทายาทธุรกิจในการพาธุรกิจของตระกูลให้สืบทอดต่อไปได้

อย่างไรก็ดี ความร่วมมือภายใต้ MOU ครั้งนี้จะช่วยพัฒนาให้ธุรกิจครอบครัวสามารถบริหารจัดการธุรกิจให้อยู่รอดอย่างแข็งแรงได้ ถือเป็นมิติใหม่ที่สำคัญและมาถูกทาง เพราะที่ผ่านมามีการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบต่างๆ แต่ยังไม่ครอบคลุมถึงธุรกิจครอบครัวเท่าไหร่นัก การ MOU ในครั้งนี้จะช่วยเข้าไปเสริมความเข้มแข็งธุรกิจได้เดินหน้าต่อ รวมถึงสะท้อนถึงอุปสรรคเชิงลึกที่ธุรกิจครอบครัวจะต้องพบทำให้ภาครัฐและเอกชนสามารถนำมาวางแผนการส่งเสริมธุรกิจเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดในอนาคต


นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า การลงนาม MOU โครงการ Family Business Thailand นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ เป็นความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมแรงร่วมใจส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทย โดยใช้ศักยภาพของแต่ละหน่วยงานเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย สำหรับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะทำหน้าที่ในการสนับสนุนข้อมูลธุรกิจเพื่อวางแผนการพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้เข้มแข็ง ประกอบกับจัดอบรมในหัวข้อที่เกี่ยวข้องและวิทยากรให้ความรู้ด้านการทำธุรกิจแบบมืออาชีพ ซึ่งกิจกรรมแรกจะเริ่มจัดอบรมหลักสูตร Family Business Thailand ระหว่างวันที่ 8-9 พ.ค. 2567 ณ ศูนย์ประชุม 1 ศตวรรษ ชั้น 6 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 26 เม.ย.2567 อบรมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ขณะนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 51 ธุรกิจ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่หลากหลายทั้งกลุ่มที่ผลิตสินค้าและการให้บริการ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าที่ผ่านมา ธุรกิจครอบครัวขนาดเล็ก และขนาดกลางได้รับผลกระทบจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับยังขาดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเหมาะสม ทำให้ธุรกิจครอบครัวไม่สามารถปรับตัวได้ทันภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การ MOU ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้กับธุรกิจครอบครัวอย่างรอบด้าน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นองค์กรเอกชนที่มีนักธุรกิจมากด้วยประสบการณ์และความสามารถ พร้อมสนับสนุนบุคลากรเพื่อให้คำปรึกษา แนะนำ และจัดหาวิทยากรเพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว ผนวกความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชนและสถาบันศึกษาพร้อมส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตรต่างๆ ในโครงการ Family Business Thailand ทั้งหลักสูตรระยะสั้น และหลักสูตรระยะยาว (Degree & Non-Degree) กับเจ้าของธุรกิจครอบครัว ตลอดจนทายาท เพื่อนำองค์ความรู้สำหรับการเร่งสร้างการเติบโต ควบคู่ไปกับการปรับใช้เทคโนโลยีในธุรกิจ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจครอบครัว เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตและส่งต่อธุรกิจได้จากรุ่นสู่รุ่น

รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล ผู้รับผิดชอบโครงการ Family Business Thailand ได้สะท้อนมุมมองในฐานะที่เป็นปรึกษาธุรกิจครอบครัวว่า ธุรกิจครอบครัวถือเป็นนักรบทางเศรษฐกิจที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย โดยสามารถสร้างรายได้ประมาณ 60-70% ของ GDP ทว่า ส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาในการสืบทอดธุรกิจ จนมีคำกล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวมักจะส่งต่อกันได้ไม่ถึงรุ่นที่ 3 เนื่องจากศาสตร์การบริหารธุรกิจครอบครัวเป็นศาสตร์เฉพาะด้านที่มีการบ่มเพาะ ถ่ายทอดกันในวงจำกัด ดังนั้น การผนึกกำลังกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาเป็น “สามประสาน” จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ประเทศไทยจะสามารถขยายฐาน “กองทัพนักรบทางเศรษฐกิจ” ที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 02 5475985 หรือสายด่วน 1570 ได้.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. ยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติ

ทำเนียบ 1 ก.ค.-นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้แจงเต็มที่ ยืนยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติและรักษาอธิปไตย ไม่มีเจตนาอยากได้อะไรเป็นของตัวเอง พร้อมขอโทษ หากวิธีการไม่ถูกใจใครหลายคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัย กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซ็น และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ด้วยมติ 7:2 ว่า ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลต่อจากนี้ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระยะเวลานั้นไม่แน่ใจ แต่มีเวลาประมาณ 15 วันที่จะชี้แจง ตนจะทำให้เต็มที่ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่า ความตั้งใจและเจตนาจริงๆ เกิน 100% ว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้เพื่ออธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ตนเองทำ อาจจะมีทั้งถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มีอยากได้อะไรของตัวเองเลย และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และตนก็คงรับไม่ได้หากพูดอะไรกับทางผู้นำและทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง อันนั้นเป็นความตั้งใจจริงๆ ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพราะฉะนั้นนี่คือ […]

ศาล รธน. สั่ง ​”แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่​นายกฯ​

ศาลรัฐธรรมนูญ 1 ก.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง ​”แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่​นายกฯ​ หลังรับคำร้อง 36 สว. ยื่นถอดถอน ปมคลิปเสียงคุย “ฮุน เซน” ผิดจริยธรรม​ เปิดชื่อ 2 ตุลาการเสียงข้างน้อย “นครินทร์-อุดม” ไม่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แค่ห้ามใช้อำนาจหน้าที่ด้านความมั่นคง-การต่างประเทศ-การคลัง ศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมปรึกษาคดีที่นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ยื่นคำร้องของ 36 สว. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ รวมทั้งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย จากกรณีคลิปเสียงสนทนาเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชากับสมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า กรณีเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 […]

รวบ 2 ผู้ต้องหาปล้นเงินกลางห้างดัง ยึดของกลาง 1.9 ล้าน

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ผบช.น. แถลงรวบ 2 ผู้ต้องหาปล้นเงินกลางห้างดัง ตามยึดของกลางคืนแล้ว 1.9 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 5 คน ขออนุมัติศาลออกหมายจับบ่ายนี้ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวเปิดเผยความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องหาปล้นเงินสดจำนวน 3.4 ล้านบาท ภายในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าวเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว และ น.ส.นานา โดยสามารถตามจับกุมได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เมื่อช่วงเวลา 01.00 น.ที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังสามารถตรวจยึดของกลางเป็นเงินสดจำนวน 1.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนแบ่งจากการกระทำความผิด เสื้อผ้าที่สวมใส่ในขณะก่อเหตุ บัญชีธนาคารและบัตร ATM รวมทั้งสิ่งของที่ได้มาจากการทำความผิดก่อนหน้านี้ของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การยอมรับสารภาพจากการจำนวนต่อหลักฐาน โดยอ้างว่า นายเฌอพัชญ์ จะทำหน้าที่เป็น Agent หรือตัวแทนหลอกซื้อขายคริปโตเคอเรนซี่ผ่านกลุ่ม Facebook […]

“สรวงศ์” ยันเร่งแก้ระบบล่ม หลังแห่ลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง”

ทำเนียบ 1 ก.ค.- “สรวงศ์” ยันเร่งแก้ปัญหาแอปฯ ล่ม หลังปชช.แห่ลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เผยอาจมีการเพิ่มสิทธิมากขึ้น นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง การเปิดลงทะเบียนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ในวันนี้ เป็นวันแรก (1 ก.ค.) หลังเปิดให้ลงทะเบียนเวลา 08.00 น. ปรากฏว่าแอปฯ ล่ม ว่า ในเรื่องของแอปฯ ล่มกำลังแก้ไขอยู่ โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งยอมรับว่าเมื่อเปิดให้มีการลงทะเบียน มีประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก นายสรวงศ์ ยืนยันว่าเรื่องของระบบการลงทะเบียนได้มีการเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว แต่บางครั้งเป็นปัญหาทางเทคนิค แต่ก็จะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด นายสรวงศ์ มองว่า การที่ประชาชนเข้าไปลงทะเบียนเป็นจำนวนมาก เป็นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนอยากจะเที่ยวอยู่ ซึ่งก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่า หากมีประชาชนลงทะเบียนจนครบตามสิทธิแล้ว นายกรัฐมนตรีเคยบอกแล้วว่า จะเพิ่มสิทธิตรงนี้ให้.-315 -สำนักข่าวไทย