ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดสัมมาธุรกิจครอบครัวแห่งปี

สัมมาธุรกิจครอบครัว

กรุงเทพ 26 ก.ย.-ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดสัมมนาธุรกิจครอบครัวแห่งปี เพื่อพลิกอนาคตธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างยั่งยืน และลบคำสบประมาทที่ว่า ธุรกิจครอบครัวจะสิ้นสุดภายใน 3 รุ่น


ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตร ยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญในการสนับสนุน และพัฒนาธุรกิจครอบครัวไทยให้เข้มแข็ง และเติบโตเป็นเสาหลักเป็นกำสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดทุน และเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง อีกทั้งเรื่องธุรกิจครอบครัว กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญในยุคความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และการก้าวเข้าสู่ยุค AI เต็มตัว โดยตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี นอกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นผู้นำในการเปิดเวทีจัดงานสัมมนา SET Annual Conference on Family Business แล้วการดำเนินโครงการต่างๆ ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อสนับสนุนธุรกิจครอบครัว ให้สามารถปรับตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนไปทั้งระบบนิเวศ มีหลายโครงการ อาทิ โครงการสนับสนุนทุนวิจัยสำหรับอาจารย์ ในการผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัวไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยที่มีคุณภาพ และสนับสนุนให้อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญในสถาบันการศึกษาได้ศึกษาวิจัยในประเด็นที่เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจครอบครัว ตลาดทุนไทยและเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากนักวิจัย มีผู้ร่วมยื่นข้อเสนอรับทุนรวมกว่า 30 หัวข้องานวิจัย และมีหัวข้องานวิจัยที่ผ่านเข้ารอบ 6 หัวข้อ คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถเผยแพร่ผลงานวิจัยได้ทั้งหมดรวมถึง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการพัฒนาฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทย เพื่อเป็นฐานข้อมูลผลิตงานวิจัยสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป

โครงการ Family Business Thailand โดยความร่วมมือระหว่าง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว ให้มีองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจ และการตลาดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อันจะนำมาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการบริหารเครือข่ายให้แก่ธุรกิจครอบครัว


โครงการห้องเรียนธุรกิจครอบครัว บน LiVE Platform ที่ให้ธุรกิจครอบครัวเข้ามาเรียนรู้โดยการพัฒนาความรู้ที่สำคัญ และจำเป็นเฉพาะด้านสำหรับธุรกิจครอบครัว มีการเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกันพัฒนาเนื้อหาหลักสูตรและเผยแพร่องค์ความรู้ ประสบการณ์ร่วมกัน ปัจจุบันมีเนื้อหาหลักสูตรกว่า 180 ชิ้น ในหลากหลายรูปแบบ อาทิ e-Learning คลิป บทความ มีผู้ได้รับความรู้ไปแล้วกว่า 1 หมื่นราย

นอกจากโครงการเหล่านี้ที่ต้องทำต่อเนื่องแล้ว ในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงเป็น “บ้านแห่งโอกาส” สำหรับธุรกิจครอบครัวไทย ในการเดินหน้าร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การทำงานผ่านโครงการ กิจกรรมต่างๆ มีความยั่งยืน เกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับธุรกิจครอบครัวไทย ตลาดทุนและประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อการร่วมมือกัน พลิกอนาคตธุรกิจครอบครัว ให้โตอย่างยั่งยืนรวมถึงเป็นการ “ลบคำสาป” ที่ว่า ธุรกิจครอบครัวจะจบสิ้นภายใน 3 รุ่น

ในโอกาสนี้ ขอให้ 8 แนวทางในการ Transformation ของธุรกิจครอบครัวไทย สู่ยุค AI เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน


1.ประเมินความพร้อมขององค์กร และทำความเข้าใจศักยภาพของ AI ในการกำหนดกลยุทธ์เป้าหมายว่า AI จะนำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจได้อย่างไร โดยควรมีการกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายค่านิยมของธุรกิจให้ชัดเจน วางแผนการนำ AI มาใช้ให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะสั้นและยาว และพิจารณาปัญหาที่ AI จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร รวมถึงดูว่าคู่แข่งหรือคู่ค้าทางธุรกิจแบบเดียวกันใช้ AI ในรูปแบบใด ทั้งนี้ ควรใช้ที่ปรึกษา หรือกรรมการมืออาชีพที่มีความรู้ในเรื่อง AI มาช่วยพัฒนาระบบ AI และการใช้งาน

    2.พิจารณาโอกาสและความเสี่ยง วิเคราะห์โอกาส อุปสรรค และความเสี่ยงจากการใช้ AI อย่างรอบคอบ รวมถึงในประเด็นกฎหมาย ความรับผิดชอบ การลงทุน พัฒนาทักษะบุคลากรและวัฒนธรรมองค์กรเพื่อให้บุคลากรเรียนรู้ อบรมและพัฒนาทักษะดิจิทัล เพื่อให้ผู้บริหารให้เข้าใจ AI และเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัวได้ถูกต้องตามหลักจริยธรรมและกฎหมาย

    3.สร้างวัฒนธรรมนวัตกรรม ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทดลอง และอาศัยศึกษาจากความล้มเหลวผิดพลาดการไม่ใช้หรือการใช้ AI ในองค์กรอื่น โดยสามารถปรับปรุงวิธีการทำงานและการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้ควรมีที่ปรึกษาหรือกรรมการมืออาชีพที่มีความรู้ในเรื่องนี้มาช่วยให้คำแนะนำเช่นกัน

    4.เพิ่มบทบาททายาทรุ่นใหม่ เปิดโอกาสให้ Next Gen รุ่น X, Y, Z มีส่วนร่วมในการนำ AI และเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ธุรกิจ โดยมอบหมายอำนาจในการบริหารจัดการภายใต้ที่ปรึกษาหรือกรรมการมืออาชีพที่มีความรู้ด้าน AI มาช่วยแนะนำ อีกทั้งผู้ส่งมอบธุรกิจต้องสนับสนุนทั้งการลงทุนและควรเรียนรู้เรื่องดังกล่าวด้วยตนเอง รวมถึงควรทดลองนำ AI มาใช้ในการทำงานของตนเองด้วย

    5.ยินยอมกระจายอำนาจการตัดสินใจ โดยมอบหมายงานและกระจายอำนาจให้กับทายาทรุ่นใหม่ๆ ที่มีความสามารถในเรื่อง AI มากขึ้น เพื่อลดความล่าช้าในการปรับตัว โดยกำหนดระยะเวลาเป้าหมายชัดเจนและเงินลงทุนที่เหมาะสม หรืออาจแยกธุรกิจ AI ออกมาให้คนรุ่นใหม่บริหารเพื่อสนับสนุนธุรกิจอื่นๆ ด้วย หากมีธุรกิจหลากหลาย

    6.ลงทุนในบุคลากร เทคโนโลยี และระบบข้อมูล และลงทุนพัฒนาทักษะของผู้บริหาร พนักงานเรื่อง AI อย่างจริงจัง เช่น การลงทุนในเทคโนโลยี ย้ายข้อมูลสู่ระบบคลาวด์, ใช้ Hybrid Cloud เพื่อความยืดหยุ่นและลดต้นทุนในการทำงาน โดยอาจเลือกลงทุนในโครงการที่เล็กๆ ก่อนสำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจ ทั้งนี้ ควรศึกษาจากตัวอย่างธุรกิจที่มีการนำ AI และ IoT มาใช้ เช่น ระบบ Smart Farm, ระบบอัตโนมัติในโรงงาน, Chatbot สำหรับบริการลูกค้า

    7.บริหารจัดการความเสี่ยงและจริยธรรม หากธุรกิจครอบครัวนำ AI มาใช้ ก็จะต้องวางนโยบายการใช้ AI อย่างรับผิดชอบ คำนึงถึงผลกระทบทางจริยธรรม ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการใช้ AI เป็นไปตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล

    8.วัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเทคโนโลยี AI เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต้องมีการวัดผลและตัดสินใจปรับปรุงให้ดีขึ้นโดยเร็ว และติดตามนโยบายและสถานการณ์ การส่งเสริมจากภาครัฐในเรื่องมาตรการภาษี BOI หรือเงินสนับสนุนจากภาครัฐพร้อมๆ กันไป

    ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวด้วยว่า ฐานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รวบรวมไว้มาแชร์ให้ทราบว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2565-2567) บริษัทธุรกิจครอบครัวใช้กลไกของตลาดหุ้นไทยในการระดมทุนเพื่อขยายกิจการ และเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    • มูลค่าสินทรัพย์เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 9% ต่อปี และมีสัดส่วน 55% ของสินทรัพย์รวมทั้งตลาด
    • รายได้รวม ยังคงเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 11% ต่อปี และมีสัดส่วน 48% ของรายได้รวมทั้งตลาด
    • กำไรรวม มีการผันผวนไปตามภาวะตลาด แต่ก็ยังมีสัดส่วนเฉลี่ย 54% ของกำไรรวมทั้งตลาด
    • สัดส่วน Market Cap บริษัทที่เป็น Family Business ต่อ Total Market Cap เฉลี่ย 3 ปี อยู่ในระดับ 53%
    • การจ้างงาน 3 ปีที่ผ่านมา มีการจ้างงานเฉลี่ยมากถึง 1 ล้าน 4 แสนอัตรา หรือร้อยละ 74 ของการจ้างงานทั้งหมดของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

    จากข้อมูลตัวเลขข้างต้นนี้ ทำให้เห็นได้ว่า บริษัทธุรกิจครอบครัวได้รับประโยชน์จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดทุนไทยเป็นอย่างมาก.- 513 สำนักข่าวไทย

    ดูข่าวเพิ่มเติม

    Top Viewed • อ่านมากสุด

    ดูทั้งหมด

    ครม.แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​-​คดีพิเศษ-​พศ.

    ทำเนียบฯ 24 ก.ย. – ครม. แบ่งงาน​ 6 รองนายกฯ​ มอบ​ “บวรศักดิ์​” คุม​ยุติธรรม​ -​ คดีพิเศษ -​ สำนักพุทธฯ​ ขณะที่ “เอกนิติ​” คุมพาณิชย์​ -​ สำนักงบฯ ด้าน “ธรรมนัส​” คุมท่องเที่ยว​ -​ เกษตร​ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี​นัดพิเศษ นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ มีมติแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี​ 6 คน​ ประกอบด้วย นายพิพัฒน์​ รัชกิจประการ​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพลังงาน​ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์​แห่งชาติ​ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒฒาพิเศษ​ภาคตะวันออก​ (อีอีซี) นายโสภณ​ ซารัมย์​ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลด้านสังคม​ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ​ (ส​ทนช.) […]

    ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

    24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

    ครม. ตั้ง “ไตรศุลี” นั่งเลขาธิการนายกฯ อายุน้อยที่สุด

    ทำเนียบ24 ก.ย. – ครม.นัดพิเศษ ตั้ง “ไตรศุลี ไตรสรณกุล” เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ วันนี้ (24 ก.ย.) มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม ครม. มีมติแต่งตั้งให้นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หรือเรียกกันว่า “นายกฯ น้อย” ถือเป็นตำแหน่งสำคัญ ต้องคอยสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรี รวมถึงการบริหารจัดการงานทั่วไป และประสานงานให้กับนายกรัฐมนตรีโดยตรง นอกจากนี้ ยังเป็นตำแหน่งที่จะต้องรวบรวมวิเคราะห์ และกลั่นกรองข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำเสนอความเห็นประกอบการพิจารณา และการสั่งการของนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม นางสาวไตรศุลี ถือเป็นผู้ที่รับตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อายุน้อยที่สุด ปัจจุบันนางสาวไตรศุลี อายุ 35 ปี และเป็นลูกสาวของ นายวิชิต ไตรสรณกุล นายก อบจ.ศรีสะเกษ จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเริ่มต้นการทำงานทางการเมืองด้วยการดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี […]

    เจ้าของห้องคอนโด ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

    23 ก.ย. – เจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวายทำลายทรัพย์สิน ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษ หนุ่มเจ้าของห้องคอนโด ย่านพระราม 9 ที่ถูกคู่กรณี ก่อความวุ่นวาย ทำลายทรัพย์สิน รวมถึงใช้อาวุธมีดมาเคาะประตูเชิงข่มขู่กลางดึก เปิดใจว่าขณะเกิดเหตุตกใจกลัวมาก หากประตูพังอาจเกิดเหตุไม่คาดคิด ต้องวิ่งไปหลบในห้องนอนและเอาของมาวางกั้นไว้ แต่ก็ยังโทรฯ หาตำรวจและแจ้งนิติบุคคลคอนโด แต่ก็ไม่มีใครขึ้นมา ตอนนี้ต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราวและลางาน เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย โดยมีหลายคนที่เจอเหตุการณ์เหมือนกับตนเอง ส่วนทางคู่กรณี ตนอยากจะบอกว่า ถ้าหากมีอาการจิตเวชจริงก็ขอให้เข้ารับการรักษา ตอนนี้ไม่ต้องการคำขอโทษเพราะเกินเวลานั้นมานานแล้ว ยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะสุดท้ายแล้วเชื่อว่ากฎหมายจะให้ความเป็นธรรมกับตนได้.-สำนักข่าวไทย

    ข่าวแนะนำ

    นายกฯ เผยไม่มีวอร์รูมแถลงนโยบาย ยัน “คนละครึ่ง” เริ่ม ต.ค.นี้

    ทำเนียบ 26 ก.ย.-นายกฯ ร้องโหย ไม่มีวอร์รูมแถลงนโยบาย มีแต่เลิฟรูม ยัน “คนละครึ่ง” เริ่มทันที ต.ค.นี้ โยน รมว.คลัง แจงรายละเอียด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่าง 29-30 กันยายนนี้ ว่า ร่างสุดท้ายมา 100% แล้ว เมื่อถามว่า จะมีการตั้งวอร์รูมหรือไม่ นายอนุทิน ร้องโหย ก่อนจะบอกว่า “ไม่มีหรอกวอร์รูม มีแต่เลิฟรูม” เมื่อถามถึงนโยบายโครงการ “คนละครึ่ง” จะสามารถเริ่มได้เลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี พยักหน้ารับ พร้อมระบุว่า ภายในเดือนตุลาคม แต่ขอให้ไปถามรายละเอียดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง.-319.-สำนักข่าวไทย

    เร่งเทปูนลงหลุมยักษ์ หน้า รพ.วชิรพยาบาล-สน.สามเสน

    กรุงเทพฯ 26 ก.ย. – เร่งเทปูนลงหลุมยักษ์ หน้า รพ.วชิรพยาบาล และ สน.สามเสน คาดวันนี้ต้องเทอีกประมาณ 200 คันรถโม่ปูน จึงจะได้ความสูงของปูนในหลุมตามแผนที่วางไว้ .-สำนักข่าวไทย

    จับตาหนองหญ้าแก้ว หวั่นเขมรปลุกปั่นม็อบซ้ำรอย

    สระแก้ว 26 ก.ย.- จับตาความเคลื่อนไหวชายแดนไทย-กัมพูชา “บ้านหนองหญ้าแก้ว” หวั่นม็อบเขมรปลุกปั่นสร้างความวุ่นวายซ้ำรอย ชายแดนไทย–กัมพูชา บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เช้าวันนี้ กัมพูชาพาคณะทำงานประสานงานชายแดน หรือ IOT ลงพื้นที่ใกล้จุดผ่านแดน โดยมีเจ้าหน้าที่และผู้ติดตาม 50–60 คน เข้ามาสำรวจและสังเกตการณ์ในรัศมีไม่ไกลจากแนวเขตสแลนตรงจุดพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าหลังจากคณะผู้แทนกลับไปแล้ว อาจมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนเกิดขึ้นอีก เนื่องจากมีความพยายามปลุกปั่นให้เกิดการรวมตัวในหลายครั้งที่ผ่านมา ส่วนสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างสงบ แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด เพราะต่างมีการขยับกำลังในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่คณะ IOT ลงพื้นที่ ซึ่งถือเป็นอีกจุดที่ต้องจับตาว่าจะมีความเคลื่อนไหวตามมาหรือไม่ในช่วงค่ำและวันถัดไป -สำนักข่าวไทย

    “ศุภมาศ” ดีใจได้ดูแลกำกับสื่อฯ บอก “กลองดีไม่ตีก็ไม่ดัง”

    ทำเนียบ 26 ก.ย.- “รมต.ศุภมาศ” ดีใจได้ดูแลกำกับสื่อฯ บอก “กลองดีไม่ตีก็ไม่ดัง” เผยหลังแถลงนโยบาย เตรียมคุยผู้บริหาร “อสมท-กรมประชาสัมพันธ์-องค์กรสื่อ” ผลักดันงานรัฐบาลให้เข้าถึงประชาชนตั้งแต่ครัวเรือนถึงรากหญ้า ในช่วงเวลา 4 เดือน ยังไม่ชัดมีรายการนายกฯ พบประชาชนหรือไม่ นางศุภมาศ อิสรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือฤกษ์ 09:09 น. เข้าห้องทำงานบนตึกบัญชาการ 1 ก่อนจะถือฤกษ์ 09:45 น. ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนางศุภมาศ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากเข้ารับตำแหน่งแล้วจะมีนโยบายผลักดันในเรื่องใดบ้างในฐานะที่เข้ามากำกับดูแลด้านสื่อสารมวลชน ว่า เพิ่งจะได้รับทราบการแบ่งงาน ดีใจที่มีโอกาสได้เข้ามาดูแลงานประชาสัมพันธ์ให้กับรัฐบาล “ถือว่ากลองดี แต่ไม่ตีก็ไม่ดัง” เพราะรัฐบาลก็ทำดีอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดการประชาสัมพันธ์ที่ทั่วถึงที่ข่าวสารที่จะไปถึงพี่น้องประชาชน โดยเราต้องทำให้นโยบายต่างๆ ทั้ง 4 ด้านที่ได้ประกาศออกไปถึงประชาชน และให้ได้รับประโยชน์จากนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลตั้งใจทำให้ นางศุภมาศ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังต้องรอการแต่งตั้งโฆษกรัฐบาล หากมีบุคคลเข้ามารับตำแหน่งแล้วก็จะมีการพูดคุยกับโฆษกรัฐบาลอีกครั้ง และมีโอกาสจะได้พบปะกับพี่น้องสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล และสื่อมวลชนทั้งหมด เพื่อที่เราจะช่วยกันวางแผน รวมถึงยังต้องขอความรู้ ความร่วมมือ และความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนที่จะทำอย่างไรให้นโยบายต่างๆ ที่เตรียมไว้ประชาสัมพันธ์ให้ถึงกลุ่มรากหญ้า และทุกครัวเรือน […]