ม.หอการค้าไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 67 เหลือ 2.6%

กรุงเทพฯ 19 มี.ค.-ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ ลงมาอยู่ 2.6% จากเดิมคาด 3.2% เหตุหลายปัจจัยยังส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจกล่าวว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 2.6% จากเดิมที่คาดไว้ 3.2% จากเศรษฐกิจไทยในปีนี้ หลายหน่วยงาน มีการปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยลงไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยมาจากหลายปัจจัย ที่ยังส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งปริมาณการค้าโลกที่มีแนวโน้มโตต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม จากปัญหาการโจมตีเรือสินค้าผ่านทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญ รวมทั้งการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน ที่มีแนวโน้มหดตัวเช่นกัน และที่สำคัญการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ประกอบกับงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายงบลงทุน ทำได้ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิม


ทั้งนี้ จึงได้ลดตัวเลขคาดการณ์ทั้ง การบริโภคของภาคเอกชนเหลือ 2.8% จากเดิม 3.2% การบริโภคของภาครัฐเหลือเพียง 1.5% จากที่คาดไว้เดิม 2.5% รวมถึงการลงทุนภาครัฐ ที่อาจจะติดลบ 1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.7% ขณะที่ การส่งออก จะขยายตัวได้ 2.8% จากเดิมคาดว่า 3% อัตราเงินเฟ้อ คาดว่าจะอยู่ที่ 1% จากเดิม 2% รวมถึงสัดส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนต่อจีดีพี ที่เพิ่มขึ้นถึง 2% จาก 87.8% เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 89.8%

ขณะที่มีเพียง รายได้จากการท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้เพียง 1.4 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ปีนี้คาดว่าจะกลับมาถึง 35 ล้านคน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันสูงขึ้น และจีดีพีภาคเกษตร คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นเป็น 2.0% จากเดิม 1.8% ดังนั้น ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จึงได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย ปี 2567 ลงมาอยู่ที่ 2.6% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.2% โดยในไตรมาสแรกขยายตัวได้เพียง 2% ไตรมาสที่ 2 เริ่มฟื้นตัวขยายตัว 2.5% ไตรมาสที่ 3 ขยายตัว 3.1% และไตรมาสสุดท้าย ขยายตัวที่ 2.8%


อย่างไรก็ตาม โดยมองว่าไทยยังมีโอกาสที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจ กลับมาขยายตัวเกิน 3%ได้ หากมีการเตรียมพร้อมจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะโครงการลงทุนภาครัฐได้ทันทีเมื่อผ่านงบประมาณ และยิ่งใช้จ่ายเงินงบประมาณได้เร็วก็จะยิ่งมีผลต่อเศรษฐกิจ ซึ่งทุกๆ 1 แสนล้านบาท ของการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนภาครัฐ จะมีผลให้จีดีพี เพิ่มขึ้น 0.68% รวมถึงมีโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย จะใช้นโยบายทางการเงินมาช่วยผ่อนคลายเศรษฐกิจ ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น โดยการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในเดือนเมษายน ก็สามารถทำได้ เพื่อคุมอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดย 2 เดือนแรก ขยายตัวเพียง 0.47% ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมาย 0.5-3%

นอกจากนี้ หากมีมาตรการการคลังผ่านเงินโอน โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หากทำเร็วก็ยิ่งมีตัวกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีขึ้น โดยการใช้งบทุกๆ 100,000 ล้านบาทของเงินโอน จะทำให้จีดีพี ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.26% ประกอบกับการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ผ่านมาตรการจูงใจ อาทิ ฟรีวีซ่าชั่วคราวหรือถาวร การเพิ่มรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเพิ่มรายได้จากการส่งออก ซึ่งทุกปัจจัยจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้จีดีพีในปีนี้ขยายตัวได้เกินกว่า 3% เป็นต้น.-514-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ