ทวิตเตอร์เปิดตัวอีโมจิ “พันธมิตรชานม”

สหรัฐ 8 เม.ย. – ทวิตเตอร์ ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียรายใหญ่ของโลก เปิดตัวอีโมจิรูปชานมสำหรับแฮชแท็กมิลค์ทีอัลลิแอนซ์ (#MilkTeaAlliance) หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ พันธมิตรชานม ซึ่งเป็นขบวนการสนับสนุนประชาธิปไตยในโลกออนไลน์ที่แรกเริ่มประกอบด้วยชาวเน็ตของฮ่องกงและไต้หวันที่ใช้ชานมเป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านจีน ก่อนที่จะมีชาวเน็ตของไทยและเมียนมาเข้าร่วมในเวลาต่อมา ทวิตเตอร์ระบุในคำประกาศเปิดตัวอีโมจิรูปชานมสำหรับกลุ่มพันธมิตรชานมที่ได้รับความนิยมในไทย ฮ่องกง และไต้หวันว่า มีผู้ใช้แฮชแท็กพันธมิตรชานมกว่า 11 ล้านครั้งตลอดปีที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ต่างรู้สึกยินดีกับการประกาศใช้อีโมจิแฮชแท็กพันธมิตรชานมที่เป็นรูปแก้วชานมสีขาวบนพื้นหลังสามสี ซึ่งแสดงถึงสีชานมที่แตกต่างกันในไทย ฮ่องกง และไต้หวันในวันครบรอบ 1 ปีของการเคลื่อนไหวดังกล่าว กลุ่มพันธมิตรชานมมีจุดเริ่มต้นจากประเด็นร้อนแรงในทวิตเตอร์ หลังจากที่มีชาวจีนรักชาติกล่าวหานักแสดงวัยรุ่นชาวไทยและแฟนสาวว่า สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงและการประกาศอิสรภาพของไต้หวัน ทำให้ชาวเน็ตของทั้งสามฝ่ายตัดสินใจตั้งพันธมิตรชานม เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในดินแดนของตน ทั้งนี้ แฮชแท็กพันธมิตรชานมกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หลังกองทัพเมียนมาก่อเหตุรัฐประหารในเมียนมา จนทำให้ผู้ประท้วงใช้แฮชแท็กดังกล่าวในทวิตเตอร์เพื่อกระตุ้นการสนับสนุนในภูมิภาค ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์เคยเปิดตัวอีโมจิสำหรับแฮชแท็กมีทู (#MeToo) เพื่อประณามการคุกคามทางเพศ และแฮชแท็กแบล็คไลฟ์สแมตเทอร์ (#BlackLivesMatter) เพื่อต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อคนผิวดำ.-สำนักข่าวไทย

โตเกียวจะขอให้รัฐบาลกำหนดมาตรการฉุกเฉินสกัดโควิด

โตเกียว 8 เม.ย. – ผู้ว่าการกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นระบุว่า จะขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดมาตรการฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและพื้นที่โดยรอบ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวได้เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เตือนว่า กรุงโตเกียวอาจมียอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นกว่าการระบาดครั้งที่แล้ว และอาจเป็นระลอกที่รุนแรงที่สุด ทั้งยังระบุว่า กรุงโตเกียวอาจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์มากขึ้นอีกด้วย นางโคอิเกะกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมดังกล่าวว่า สถานการณ์ระบาดในขณะนี้น่าเป็นห่วงอย่างมาก และทางการจำเป็นต้องเฝ้าระวังตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน มาตรการใหม่ที่จะประกาศใช้นั้น อ้างอิงมาจากกฎหมายควบคุมการติดเชื้อที่มีการปรับปรุงแก้ไขและสามารถใช้บังคับในพื้นที่ที่แคบกว่าการประกาศภาวะฉุกเฉิน มาตรการควบคุมนี้จะทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถสั่งการให้ธุรกิจร้านค้าลดชั่วโมงการค้าขายและะกำหนดค่าปรับ 200,000 เยน หรือ ประมาณ 58,000 บาท หรือเปิดเผยชื่อร้านที่ไม่ปฎิบัติตามคำสั่งเพื่อประจาน นอกจากนั้น จะขอให้ประชาชนทำงานจากที่บ้านและหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางประเภท เช่น การร้องคาราโอเกะ ในขณะเดียวกัน ทางการกรุงโตเกียวรายงานว่า กรุงโตเกียวมีแนวโน้มพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าจะใกล้ถึงกำหนดการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิกในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้แล้วก็ตาม โดยที่เมื่อวานนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 555 คน ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และในวันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อ 545 คน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาล่าช้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนตั้งแต่เริ่มโครงการฉีดวัคซีนในเดือนกุมภาพันธ์ โดยฉีดวัคซีนของไฟเซอร์โดสแรกไปได้เพียง 1 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 126 ล้านคน และเป็นวัคซีนขนานเดียวที่ได้รับการอนุมัติใช้ในญี่ปุ่น ขณะนี้ ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า […]

ฟิลิปปินส์สั่งระงับใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาชั่วคราว

มะนิลา 8 เม.ย. – ฟิลิปปินส์ประกาศระงับใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ในกลุ่มประชาชนอายุต่ำกว่า 60 ปี ชั่วคราว เพื่อตรวจสอบรายงานเกี่ยวกับภาวะลิ่มเลือดอุดตันของผู้ใช้ในต่างประเทศ นายโรลันโด เอ็นริเก โดมิงโก ผู้อำนวยการสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของฟิลิปปินส์ ระบุในแถลงการณ์ว่า คำสั่งระงับใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราว มีขึ้นหลังจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) แนะนำให้ระบุว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดตันเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยากจากการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ขณะนี้ฟิลิปปินส์ยังไม่พบรายงานภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนดังกล่าวภายในประเทศ ทั้งนี้ คำสั่งระงับใช้วัคซีนไม่ได้หมายความว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาไม่ปลอดภัยหรือไร้ประสิทธิภาพ แต่ทางการจำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกัน เพื่อความปลอดภัยของชาวฟิลิปปินส์ทุกคน ฟิลิปปินส์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่เผชิญกับการระบาดรุนแรงในทวีปเอเชีย กำลังเร่งโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ประสบปัญหาล่าช้า เพื่อช่วยลดภาวะตึงตัวของโรงพยาบาล และกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาด ฟิลิปปินส์ฉีดวัคซีนของซิโนแวคและแอสตราเซเนกาให้แก่ประชาชนเกือบ 923,000 โดสแล้ว จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะฉีดวัคซีนให้ได้ 70 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 108 ล้านคนในปีนี้ ขณะนี้ฟิลิปปินส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 819,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 14,000 คน ซึ่งเป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ […]

อังกฤษตำหนิเมียนมาใช้อำนาจไล่ทูตออกจากสถานทูต

อังกฤษประณามรัฐบาลทหารเมียนมาที่ใช้อำนาจกลั่นแกล้งทูตเมียนมาให้ออกจากสถานทูต หลังจากที่เขาเรียกร้องให้ทางการปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง

จีนไล่ จนท. ระดับสูงออกเหตุโควิดระบาด

ยูนนาน 8 เม.ย. – จีนไล่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเมืองรุ่ยลี่ของมณฑลยูนนานออกจากตำแหน่ง ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นระบุว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมีความผิดฐานละทิ้งหน้าที่อย่างร้ายแรงจนทำให้ประสบความล้มเหลวในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลมณฑลยูนนาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า พบการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวน 3 ครั้งที่เมืองรุ่ยลี่ ซึ่งมีพรมแดนติดกับเมียนมาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยที่เมืองดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของนายกง หยุนจุน เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนของเมืองรุ่ยลี่ การระบาดดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการระบาดเป็นกลุ่มก้อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลกระทบรุนแรงต่อมณฑลยูนนานและความพยายามป้องกันการระบาดของจีน และส่งผลร้ายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของมณฑลยูนนาน ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า คำสั่งไล่นายกงออกจากตำแหน่งถือเป็นคำเตือน ในขณะเดียวกัน ทางการจีนรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 24 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าจากเมื่อวานนี้ ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อในมณฑลยูนนานถึง 11 คน ขณะที่เมืองรุ่ยลี่ได้สั่งให้ประชาชนกักตัวในบ้าน เร่งตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาในประชาชนเป็นวงกว้าง และเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อควบคุมการระบาด ทั้งนี้ เมืองรุ่ยลี่ถือเป็นจุดขนส่งสำคัญของมณฑลยูนนาน และยากต่อการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายตามแนวพรมแดนยาว 4,000 กิโลเมตรที่ติดกับลาว เมียนมาและเวียดนามในปีที่แล้ว เพื่อหาที่หลบภัยจากการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะนี้ จีนมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 90,300 คน และผู้เสียชีวิตกว่า […]

“ไป่ ทาคน” ถูกรัฐบาลทหารเมียนมาจับกุมตัวแล้ว

ย่างกุ้ง 8 เม.ย. – รัฐบาลทหารเมียนมาได้จับกุม ไป่ ทาคน นักแสดงและนายแบบชาวเมียนมาที่สนับสนุนการต่อต้านรัฐประหารของกองทัพแล้วในวันนี้ ในขณะที่รัฐบาลทหารยังคงไล่ติดตามจับกุมบุคคลมีชื่อเสียงชาวเมียนมาอีกกว่าร้อยคนที่สนับสนุนการประท้วง สื่อท้องถิ่นของเมียนมารายงานว่า ไป่ ทาคน  วัย 24 ปีถูกควบคุมตัวที่เขตย่างกุ้งเหนือในนครย่างกุ้งเมื่อเวลา 05.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นภายในบ้านมารดาของเขา นายทาคนเป็นนักแสดงและนายแบบที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในเมียนมาและประเทศไทย เขาได้เข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านรัฐประหารด้วยตนเอง และโพสต์ข้อความต่อต้านรัฐบาลทหารผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่มียอดผู้ติดตามจำนวนมาก ขณะนี้ สำนักข่าวเอเอฟพีกำลังพยายามติดต่อครอบครัวของไป่ ทาคนเพื่อยืนยันรายละเอียดเกี่ยวกับการถูกควบคุมตัวเขา โพสต์ล่าสุดเมื่อวานนี้ของไป่ ทาคนในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ที่มียอดผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคนระบุว่า เขากำลังมีสุขภาพย่ำแย่ เขาสวดมนต์ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงดีและขอให้สันติภาพกลับคืนสู่เมียนมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างไรก็ดี บัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียของเขากลับถูกลบหายไป แม้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าไป่ ทาคนเป็นผู้ทำเช่นนั้นเองหรือไม่ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของเมียนมายังได้ประกาศจับกุมบุคคลมีชื่อเสียงอีก 120 คน ซึ่งรวมถึงนักร้อง นักแสดง นายแบบ และนางแบบมากมาย ทั้งนี้ ไป่ ทาคน ถือเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงของเมียนมาที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทั้งการลงถนนร่วมชุมนุมประท้วงกับประชาชนชาวเมียนมาและการโพสต์ข้อความทั้งภาษาพม่าและภาษาอังกฤษผ่านสื่อสังคมออนไลน์ที่มีแฟนคลับชาวเมียนมาและชาวต่างชาติติดตามกดไลก์ กดแชร์ และคอมเมนต์ให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารถึงประชาคมโลกให้ทราบถึงสถานการณ์ในประเทศและเรียกร้องประชาคมโลกยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือประชาชนชาวเมียนมาที่ถูกเจ้าหน้าที่ของกองทัพเมียนมาปราบปรามอย่างหนัก ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า ไป่ […]

คาดเกาหลีใต้เพิ่มมาตรการเข้มงวดหลังยอดป่วยโควิดพุ่ง

โซล 8 เม.ย. – เกาหลีใต้พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ 700 คน ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ในช่วงต้นเดือนมกราคม ขณะที่นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ย้ำเตือนว่าอาจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการใหม่ในการเว้นระยะห่างทางสังคม สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี หรือเคดีซีเอระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 700 คนถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อรายวันโดยเฉลี่ยของสัปดาห์ก่อนที่พบวันละ 477 คน และทำให้เกิดความหวั่นเกรงเพิ่มขึ้นว่า เกาหลีใต้อาจต้องเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกสี่ ขณะที่นายกรัฐมนตรีชุง เซ-คยุน ของเกาหลีใต้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐบาลว่า การระบาดระลอกใหม่อาจส่งผลกระทบต่อโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของเกาหลีใต้ที่กำลังประสบปัญหาล่าช้า เนื่องจากโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลกไม่สามารถจัดส่งวัคซีนตามกำหนด ด้านเจ้าหน้าที่ของเกาหลีใต้ระบุว่า ทางการอาจประกาศเพิ่มมาตรการควบคุมการระบาดอย่างเร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้ ขณะนี้ เกาหลีใต้ยังคงใช้คำสั่งจำกัดการรวมตัวของประชาชนในที่ส่วนตัวได้ไม่เกิน 4 คน เกาหลีใต้ยังได้ประกาศเมื่อวานนี้ว่า จะระงับฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราวในประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปีในขณะที่วัคซีนดังกล่าวกำลังได้รับการตรวจสอบในยุโรป นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังได้อนุมัติใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพื่อเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะนี้ เกาหลีใต้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 107,500 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,750 คน.-สำนักข่าวไทย

ผลศึกษาผู้ป่วยโควิดร้อยละ 34 ป่วยโรคระบบประสาทสมอง

ลอนดอน 7 เม.ย. – นักวิทยาศาสตร์เผยผลการศึกษาที่พบว่า 1 ใน 3 หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของชาวอเมริกันส่วนใหญ่กว่า 230,000 คนที่หายจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหรือความผิดปกติทางจิตภายใน 6 เดือน ผลการศึกษาครั้งล่าสุด ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเดอะแลนซิตเฉพาะทางด้านจิตเวชศาสตร์ (The Lancet Psychiatry) ได้วิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 236,379 คนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน และพบว่าผู้ป่วยร้อยละ 34 มีอาการป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบประสาทหรือมีความผิดปกติทางจิตภายใน 6 เดือนหลังหายจากอาการป่วย นักวิทยาศาสตร์ยังระบุว่า อาการผิดปกติดังกล่าวพบในกลุ่มผู้ป่วยที่หายจากโรคโควิด-19 มากกว่ากลุ่มผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่หรือติดเชื้อในระบบหายใจในช่วงเวลาเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญ และชี้ให้เห็นว่าโรคโควิด-19 ส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ร้อยละ 17 เป็นโรควิตกกังวล และร้อยละ 14 เป็นโรคผิดปกติทางอารมณ์ ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว และไม่พบความเชื่อมโยงกับระดับความรุนแรงของอาการป่วยแต่อย่างใด ในขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญอิสระหลายรายต่างรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการศึกษาดังกล่าว นายไซมอน เวสเซลี ผู้อำนวยการสถาบันจิตเวชของมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอนให้ความเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นข้อพิสูจน์ที่ไร้ข้อกังขาว่า โรคโควิด-19 […]

อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีนโควิดของโมเดอร์นาแล้ว

ลอนดอน 7 เม.ย. – อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของโมเดอร์นา ในแคว้นเวลส์เป็นที่แรกในวันนี้ และคาดว่าจะขยายการฉีดวัคซีนดังกล่าวทั่วอังกฤษในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชน หลังประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนจนทำให้โครงการฉีดวัคซีนเริ่มช้าลง นายแมตต์ แฮนค็อก รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่า เขารู้สึกดีใจที่อังกฤษเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของโมเดอร์นาที่แคว้นเวลส์ในวันนี้ วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนขนานสามที่ได้รับการอนุมัติใช้ในอังกฤษ ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษเรียกร้องให้ชาวอังกฤษเดินทางไปฉีดวัคซีนทันทีที่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ ด้านนายพอล สกัลลี รัฐมนตรีกระทรวงธุรกิจขนาดเล็กกล่าวกับสถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ของอังกฤษว่า วัคซีนของโมเดอร์นา ซึ่งใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) เช่นเดียวกับวัคซีนของไฟเซอร์แต่ขนส่งได้ง่ายกว่า จะได้รับการนำไปฉีดให้แก่ชาวอังกฤษทั่วประเทศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยคาดว่าจะเริ่มใช้วัคซีนดังกล่าวทั่วประเทศตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ทั้งนี้ วัคซีนของโมเดอร์นาเป็นวัคซีนขนานสามที่ได้รับการอนุมัติใช้ในอังกฤษต่อจากวัคซีนของแอสตราเซเนกาและไฟเซอร์ อังกฤษฉีดวัคซีนโดสแรกให้แก่ประชาชนราว 31.6 ล้านคน และฉีดวัคซีนโดสสองไปแล้ว 5.5 ล้านโดส โดยคาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนครึ่งประเทศจากทั้งหมด 66 ล้านคนได้ในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ Our World Data เว็บไซต์ติดตามสถานะการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ระบุว่า อิสราเอลเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนมากที่สุด ตามมาด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ชิลี อังกฤษ สหรัฐ บาห์เรน […]

โอซากาประกาศยกเลิกจัดพิธีวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก

จังหวัดโอซากาของญี่ปุ่นประกาศยกเลิกจัดพิธีวิ่งคบเพลิงโตเกียวโอลิมปิกทั่วทั้งจังหวัด ในขณะที่พบยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จนทำให้รัฐบาลท้องถิ่นประกาศภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์

จีนสั่งประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่ชาวอุยกูร์ 2 คน

ปักกิ่ง 7 เม.ย. – ศาลจีนสั่งประหารชีวิตอดีตเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ 2 คนที่มีความผิดฐานจัดกิจกรรมที่เป็นการแบ่งแยกดินแดน ในขณะที่จีนกำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ในภูมิภาคดังกล่าว รัฐบาลท้องถิ่นของเขตซินเจียงอุยกูร์ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า อดีตหัวหน้าสำนักงานยุติธรรมของเขตซินเจียงถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต และได้รับการชะลอโทษ 2 ปีในข้อหาแบ่งแยกดินแดน ขณะที่รองประธานศาลประชาชนชั้นสูงของจีนแถลงว่า อดีตหัวหน้าสำนักงานยุติธรรมสมคบคิดกับองค์กรก่อการร้าย รับเงินสินบน และดำเนินกิจกรรมแบ่งแยกดินแดน ด้านสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า อดีตหัวหน้าคนดังกล่าวถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดกับขบวนการอิสลามแห่งเตอร์กิสถานตะวันออก (ETIM) ที่สหประชาติขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้าย หลังจากที่เขาเดินทางไปพบกับสมาชิกคนสำคัญของขบวนการดังกล่าวในปี 2546 ในขณะเดียวกัน ศาลประชาชนชั้นสูงของจีนระบุในแถลงการณ์ว่า อดีตผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาของเขตซินเจียงถูกตัดสินลงโทษประหารชีวิต และได้รับการชะลอโทษออกไป 2 ปีเช่นกัน ในความผิดฐานก่ออาชญากรรมแบ่งแยกดินแดนและรับเงินสินบน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นยังระบุด้วยว่า อดีตผู้อำนวยการคนดังกล่าวถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการพยายามเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการแบ่งแยกดินแดนทางชาติพันธุ์ การใช้ความรุนแรง การก่อการร้าย และความคลั่งไคล้ทางศาสนาในหนังสือเรียนภาษาอุยกูร์ อย่างไรก็ดี โทษประหารชีวิตที่ได้รับการชะลอโทษมักจะเปลี่ยนเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตในภายหลัง กลุ่มสิทธิต่าง ๆ เชื่อว่ามีชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอย่างน้อย 1 ล้านคนถูกจองจำในค่ายกักกันทั่วเขตซินเจียง ขณะที่สหรัฐระบุว่า ชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่น ๆ ในเขตซินเจียงกำลังเผชิญกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาทารุณกรรมทั้งหมด และยืนยันว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายในเขตซินเจียงเพื่อต่อต้านกลุ่มหัวรุนแรง.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียขอให้อียูจัดส่งวัคซีนโควิดพิสูจน์ข้อกล่าวหา

แคนเบอร์รา 7 เม.ย. – ออสเตรเลียจะขอให้สหภาพยุโรป หรืออียูจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซเนกากว่า 3 ล้านโดส เพื่อพิสูจน์ข้ออ้างว่าอียูไม่ได้ระงับการส่งออกวัคซีน ในขณะที่ออสเตรเลียกำลังประสบปัญหาฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกล่าวว่า อียูได้ร้องขอให้ออสเตรเลียถอนใบอนุญาตการส่งออกวัคซีน ในขณะเดียวกันยังคงไม่ตอบคำถามในจดหมายที่ออสเตรเลียยื่นต่ออียูเพื่อขอให้จัดส่งวัคซีนเช่นกัน เขากล่าวว่า หากอียูต้องการพิสูจน์ว่าไม่ได้ระงับการส่งออกวัคซีนจริง เขาขอให้อียูจัดส่งวัคซีน 3.1 ล้านโดสให้แก่ออสเตรเลีย เพราะออสเตรเลียควรได้รับวัคซีนจำนวนดังกล่าวในช่วงสิ้นเดือนที่แล้ว ขณะนี้ออสเตรเลียฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนได้ราว 670,000 คน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4 ล้านคนภายในเดือนมีนาคม โดยได้รับวัคซีนของแอสตราเซเนกา 300,000 โดสจากการจัดส่งครั้งแรกและครั้งเดียวในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่ออสเตรเลียยังได้นำเข้าวัคซีนของไฟเซอร์มาใช้อีกขนานหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 29,300 คน และผู้เสียชีวิต 909 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ก่อนหน้านี้ อียูได้ปฏิเสธเมื่อวันอังคารว่า ไม่ได้สั่งระงับการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ออสเตรเลียที่กำลังประสบปัญหาความล่าช้าในโครงการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งยังระบุว่า อียูไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในความล้มเหลวจากข้อตกลงที่แอสตราเซเนกาได้ให้สัญญาไว้กับประเทศต่าง ๆ ขณะที่ในเดือนที่แล้ว อียูได้สั่งระงับการจัดส่งวัคซีนของแอสตราเซเนกา 250,000 โดสให้แก่ออสเตรเลียตามที่อิตาลีร้องขอ โดยอ้างว่ายุโรปกำลังประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีน.-สำนักข่าวไทย

1 259 260 261 262 263 315