ทำเนียบรัฐบาล 17 มิ.ย.-ศบค.ปรับพื้นที่สีเขียวทั้งประเทศ เปิดสถานบริการบริโภคแอลกอฮอล์ตามปกติ มีผลหลังประกาศในราชกิจจาฯ ส่วนข้อเสนอเปิดถึงตี 2 เร่งเลขาฯ สมช.หาข้อสรุป ก่อนเสนอ ครม.
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธาน ว่า ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ดังนี้ 1. พื้นที่เฝ้าระวังจากเดิม 14 จังหวัด เป็น 77 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ จังหวัดกระบี่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดกาแพงเพชร จังหวัดขอนแก่น จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา
โฆษก ศบค. กล่าวว่า จังหวัดชลบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชุมพร จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดตรัง จังหวัดตราด จังหวัดตาก จังหวัดนครนายก จังหวัดนครปฐม จังหวัดนครพนม จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดน่าน จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดปัตตานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพะเยา จังหวัดพังงา จังหวัดพัทลุง จังหวัดพิจิตร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดแพร่
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ต จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดยโสธร จังหวัดยะลา จังหวัด ร้อยเอ็ด จังหวัดระนอง จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดเลย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสกลนคร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัด สมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุรินทร์ จังหวัด หนองคาย จังหวัดหนองบัวลาภู จังหวัดอ่างทอง จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุดรธานี จังหวัด อุตรดิตถ์ จังหวัดอุทัยธานี จังหวัดอุบลราชธานี ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
“2. มาตรการการสวมใส่หน้ากากอนามัย ยกเว้นในกรณีอยู่ที่โล่ง ไม่แออัด ทำกิจกรรมที่ไม่อาจสวมหน้ากากอนามัยได้ และการประกอบอาชีพที่ต้องใช้การแสดงออกทางใบหน้า การอยู่คนเดียวในพื้นที่ปิด หรือมีฉากกั้น 3. การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่เฝ้าระวัง สามารถเปิดบริการได้ตามปกติ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งกฎหมาย กฎระเบียบ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง 4. สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิง เปิดบริการได้โดยให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่เฝ้าระวัง เปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด” โฆษก ศบค. กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า 5. การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวสามารถทำได้ตามปกติ 6. การคัดกรองอุณหภูมิ ไม่จำเป็นต้องคัดกรองอุณหภูมิภายในอาคารสถานที่ แต่อาจจะคัดกรองอุณหภูมิในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ระบาดเท่านั้น 7. การเว้นระยะห่าง แนะนำให้เว้นตามความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรค และ 8. มาตรการการรวมกลุ่ม ตรวจคัดกรอง ATK กรณีเป็นผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ หากรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน ขอให้แจ้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ รับทราบ เพื่อเฝ้าระวังการระบาด
“ในข้อที่ 3 และ 4 ที่ประชุมใช้เวลาพอสมควร ตามที่มีกระแสข่าวว่า ขอให้สถานบันเทิงเปิดถึงเวลา 02.00 น. ที่ประชุม ศบค.จึงมอบให้ฝ่ายกฎหมาย พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ผอ.ศปก.ศบค.) ไปหาข้อสรุปว่า ขั้นตอนจะต้องไปดูกฎหมายเก่าว่าจะผ่อนคลายอย่างไร ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการและนำเข้าเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ นายกฯ และ ผอ.ศบค. ขอให้ทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด” โฆษก ศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย