ฮ่องกง 30 มี.ค. – นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ยอมรับว่า ฮ่องกงกำลังเผชิญกับภาวะสมองไหลที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติและประชาชนต่างทยอยย้ายออกไปอยู่ต่างประเทศ เนื่องจากการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 อย่างเข้มงวด แต่มองว่าฮ่องกงจะฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังสิ้นสุดการระบาด
นางหล่ำ กล่าวในงานแถลงข่าววันนี้ว่า เธอให้ความสำคัญกับสถานภาพระหว่างประเทศของฮ่องกงมากกว่าใคร แต่รัฐบาลฮ่องกงจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด เพื่อปกป้องประชาชน เธอยอมรับว่ามาตรการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อองค์กรและพนักงานหลายแห่ง จนฮ่องกงเผชิญกับภาวะสมองไหลที่ทำให้พนักงานฝ่ายบริหารระดับสูงในองค์กรต่าง ๆ ต้องย้ายออกจากฮ่องกง แต่เธอเชื่อว่าฮ่องกงจะกลับมาฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังสิ้นสุดการระบาดของโรคโควิด
นางหล่ำ ยังระบุว่า การปรับเปลี่ยนมาตรการควบคุมโรคโควิดบางอย่าง เช่น การยกเลิกคำสั่งห้ามเที่ยวบินจาก 9 ประเทศเข้าฮ่องกง และการผ่อนคลายมาตรการกักตัวในผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ จะช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานภาพระหว่างประเทศของฮ่องกงได้
การแถลงข่าวของนางหล่ำ มีขึ้นในขณะที่ฮ่องกงจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้ โดยที่ผู้นำสูงสุดของฮ่องกงมีวาระดำรงตำแหน่งสมัยละ 5 ปี อย่างไรก็ดี นางหล่ำได้ปฏิเสธให้ความเห็นว่า เธอจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฮ่องกงต่ออีกสมัยหรือไม่ ขณะนี้ฮ่องกงมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.1 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 7,500 คน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ภาคธุรกิจและประชาชนฮ่องกงต่างรู้สึกไม่พอใจกับยุทธศาสตร์ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์ เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกต่างหันไปใช้แนวทางอยู่ร่วมกับเชื้อโควิดกันหมดแล้ว. -สำนักข่าวไทย