ปักกิ่ง 1 ธ.ค. – เกษตรกรจีนตัดสินใจไถกลบพืชผลทางการเกษตร หรือปล่อยให้พืชผลเน่าเสียในแปลงเพาะปลูก หลังไร้ช่องทางกระจายสินค้าและไม่มีตลาดรองรับ เนื่องจากการใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดของทางการจีน
สื่อท้องถิ่นของทางการจีนรายงานว่า เกษตรกรในมณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชผลที่สำคัญทางตอนกลางของจีน กำลังประสบปัญหาไร้ช่องทางจำหน่ายพืชผักจำนวนหลายพันตัน ขณะที่เกษตรกรในมณฑลชานตง ทางตอนเหนือของจีน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญอีกแห่ง ก็ไม่สามารถส่งพืชไปขายได้เช่นกัน เกษตรกรจีน วัย 36 ปีคนหนึ่งในมณฑลเหอหนาน กล่าวว่า เขารู้สึกชอกช้ำใจและร่ำไห้ออกมาทุกครั้งที่เดินไปยังแปลงเพาะปลูก ซึ่งเต็มไปด้วยกะหล่ำปลีที่ถูกปล่อยให้เน่าเสียท่ามกลางสภาพอากาศหนาว ทั้งยังระบุว่า ปกติเขาจะส่งกะหล่ำปลีไปขายในหลายเมืองใหญ่ เช่น กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และเทศบาลนครเทียนจิน แต่ในปีนี้ผู้รับซื้อไม่สามารถเดินทางมาซื้อผักที่ฟาร์มของเขาได้ และคิดว่าถึงขายผักเหล่านี้ไปก็ได้ราคาไม่คุ้มต้นทุน จึงตัดสินใจปล่อยให้ผักเน่าเสียในแปลงเพาะปลูก
ผู้ประกอบธุรกิจรับซื้อผักรายหนึ่งในมณฑลชานตง ระบุว่า ขณะนี้การสัญจรบนถนนทางหลวงเป็นเรื่องยาก และเมื่อไปถึงอีกเมืองก็ต้องเข้าสู่มาตรการกักตัว มาตรการเหล่านี้ทำให้การขนส่งมีต้นทุนสูงเกินไปจนไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ปกติเขาจะส่งรถกระบะมากถึงวันละ 20 คันไปรับซื้อกะหล่ำดอก กะหล่ำปลี และผักกาดหอม เพื่อส่งขายที่ตลาดหลายแห่งในฤดูนี้ แต่ในปีนี้ตลาดในหลายเมืองใหญ่ เช่น เมืองหานตาน เทศบาลนครเทียนจิน และนครฉือเจียจวง ถูกสั่งปิดทั้งหมด และทำให้เกษตรกรที่เมืองเต๋อโจวในมณฑลชานตงได้รับผลกระทบหนักจนต้องไถกลบพืชผักต่าง ๆ เช่น ผักเซเลอรี่ ผักเคล และกะหล่ำปลี เนื่องจากหมดหนทางขายผักเหล่านี้ ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ขณะนี้ ผู้ประกอบธุรกิจรับซื้อผักในจีนจำนวนมากไม่สามารถเดินทางไปบนท้องถนน ถูกสั่งห้ามออกนอกบ้าน หรือถูกสั่งห้ามออกนอกเส้นทางบนถนนทางหลวง จนทำให้ไม่สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือเมืองอื่น ๆ ได้.-สำนักข่าวไทย