กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – SKIN เปิดเทรดวันแรกสดใสที่ 3.10 บาท จากราคา IPO ที่ 1.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท หรือคิดเป็น 158.33%
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และ นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ของ บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SKIN” เปิดเทรดวันแรกที่ราคา 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท หรือคิดเป็น 158.33% จากราคา IPO ที่ 1.20 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 52.80 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 172.80ล้านบาท
SKIN ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามภายใต้แบรนด์หลักของบริษัท ได้แก่ Skinsista และ Dermie ซึ่งทั้งหมดเป็นผลิตภัณฑ์ที่บริษัทคิดค้น พัฒนาสูตรและบรรจุภัณฑ์ ร่วมกับโรงงานผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานและนำมาจำหน่ายผ่านช่องทางที่หลากหลายทั้งร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ร้านค้าทั่วไป และช่องทางออนไลน์ โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน อายุ 18-30 ปี ที่ให้ความสนใจในการดูแลตัวเอง
นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN) เปิดเผยว่าการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ถือว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัท ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 12 ปี บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของผลการดำเนินงาน และการเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค ตั้งเป้าหมายการเติบโตมากกว่า 2 เท่าใน 3 ปี โดยแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายซึ่งเป็นไฮซีซันของธุรกิจ บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสกินแคร์และ Makeup Careภายใต้แบรนด์ Skinsista และแบรนด์เวชสำอางDermie เพิ่มอีก 12 SKUs ขยายช่องทางการจำหน่ายออฟไลน์ – ออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และเข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้น
นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัดหรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) กล่าว SKIN มีโอกาสเติบโตอย่างมากในอนาคต เนื่องจากบริษัทอยู่ในจุดเริ่มต้นของธุรกิจด้านสกินแคร์ เวชสำอาง และ Makeup Care ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่และขยายตัวต่อเนื่องทุกปี อีกทั้งแบรนด์ภายใต้การบริหารของบริษัททั้ง Skinsista และ Dermieเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก จากการเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในการบำรุง ดูแล และแก้ปัญหาผิว ที่มีราคาคุ้มค่า.-516-สำนักข่าวไทย