กทม. 3 ก.พ.- นักวิชาการ เชื่อ ยังไม่ยุบสภาเร็วๆ นี้ มั่นใจ ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก่อน เหตุรัฐบาลต้องการประวิงเวลา หวังแก้เกมความรู้สึกประชาชนหลังแพ้เลือกตั้งซ่อม
นายวันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยกับสำนักข่าวไทย ถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า รัฐบาลน่าจะยังไม่ยุบสภาในเร็วๆ นี้ เพราะฝ่ายการเมืองและฝ่ายรัฐบาลยังไม่เห็นข้อได้เปรียบอะไรจากการยุบสภา หากยุบสภาจะเกิดความเสียเปรียบในแง่ความรู้สึกของประชาชน เพราะมีปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจที่ต้องการเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น ประกอบกับรัฐบาลได้ออกกิจกรรมทางการเมืองล่วงหน้าว่า จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(ผู้ว่าฯกทม.) ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม ดังนั้น การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเป็นการตัดเบรกความสนใจที่จะนำไปสู่การเรียกร้องยุบสภา
“การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเป็นบททดสอบเรื่องคะแนนนิยม ทั้งตัวผู้สมัครที่ลงในนามพรรคการเมือง สังกัดรัฐบาล หรือสังกัดอิสระ แต่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาล เพราะจะส่งผลต่อฐานคะแนนของพรรครัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งกระแสดังกล่าวจะหันเหให้ผู้คนไปตื่นตัวเรื่องผู้ว่าฯกทม. จนกว่ากฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมทั้งการแบ่งเขต 400 เขตจะแล้วเสร็จลงตัวทั้งหมด ดังนั้นการยุบสภาไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ แต่จะเกิดขึ้นหลังจากทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากรัฐบาลนี้อยากอยู่กับเทอมถึงเดือนมีนาคม 2566 เพราะจะสามารถแก้เกมต่างๆ ที่เป็นความรู้สึกและความเชื่อมั่นของประชาชนหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งรัฐบาลก็จะประวิงเวลาเพื่อให้อยู่ครบเทอม” นายวันวิชิต กล่าว
นายวันวิชิต ยืนยันว่า สิ่งที่จะเห็นเร็วกว่าการยุบสภาก็คือ การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะมีกระแสกดดันจากพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยก็เปิดเผยไทม์ไลน์ที่ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้น กระบวนการคงจะไม่คลาดเคลื่อนอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มซ้ำซาก จะส่งผลอย่างไร นายวันวิชิต กล่าวว่า แน่นอนว่าประชาชนเสียประโยชน์ในเรื่องกฎหมายที่สำคัญต่างๆ นักการเมืองเองก็จะเจอข้อกล่าวหา โดยเฉพาะวิวาทะระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลว่า ฝั่งไหนที่เป็นฝ่ายต้องการให้สภาล่มมากกว่ากัน อย่างล่าสุดฝ่ายค้านเริ่มออกปฏิบัติการกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้สภาล่มบ่อย เนื่องจากพรรคฝ่ายรัฐบาลเป็นตัวการ และที่ทำให้สภายังขับเคลื่อนได้ ก็เพราะฝ่ายค้านอยู่ช่วย ดังนั้น นี่ก็จะเป็นการประทะคารมกันผ่านตัวแทนฝ่ายการเมืองต่างๆ ออกมาเป็นระยะ.-สำนักข่าวไทย