เมียหลวงเปิดหน้าสู้ปมสาวคนสนิททำ “เสี่ยก้อง” ตกรถดับ

กาญจนบุรี 2 ก.พ. – คดี “เสี่ยก้อง” ตกรถ ซึ่งยังเป็นประเด็นคาใจครอบครัว หลังเห็นคลิปแบบเต็มๆ ว่า “เสี่ยก้อง” กระโดดลงจากรถของ “แหม่ม” สาวคนสนิท และ “แหม่ม” รวมถึงบรรดาญาติของแหม่มไม่ให้การช่วยเหลือ “เสี่ยก้อง” ตามความจำเป็น ล่าสุดวันนี้ “นุ่น” เมียหลวง ออกมาเปิดตัวเดินหน้าสู้คดีปกป้องสามี โดยมี “ทนายตั้ม” มาช่วยว่าความ


กรณีญาตินายอภิชาต พูลเผือก หรือ “เสี่ยก้อง” เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดใน จ.กาญจนบุรี ตกรถกระบะป้ายแดงเสียชีวิต โดยในรถคันนั้นมี “แหม่ม” สาวคนสนิท เป็นคนขับ และทันทีที่ญาติของ “เสี่ยก้อง” เห็นพฤติกรรมของ “แหม่ม” และน้องชาย จากกล้องหน้ารถและหลังรถ ถึงกับทนไม่ได้ เพราะหลัง “เสี่ยก้อง” ตกรถ ทั้งแหม่ม น้องชาย และเพื่อนที่ขับตามมา กลับไม่รีบเข้าไปช่วยเหลือ ปล่อย “เสี่ยก้อง” นอนอยู่กับพื้นนานกว่า 20 นาที จึงค่อยโทรตามกู้ภัย แถมในคลิปยังได้ยินเสียงน้องชายของ “แหม่ม” บอกว่า ปล่อยมัน ไม่ต้องไปช่วย ทำให้ญาติๆ มองว่า พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ “เสี่ยก้อง” บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ ยิ่งได้ฟัง “แหม่ม” และน้องชาย ซึ่งเมื่อวานได้เข้าพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อขอคำปรึกษาทางคดี พร้อมนำคลิปหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้วางแผนฆ่า “เสี่ยก้อง” ในวันนั้นบังเอิญไปเจอ “เสี่ยก้อง” กับภรรยาอยู่ที่คลินิก ทำให้จับได้ว่า “เสี่ยก้อง” ยังไม่เลิกกับภรรยา แถมภรรยายังท้อง 7 เดือนด้วย ทำให้ “แหม่ม” โมโห มีปากเสียงกับ “เสี่ยก้อง” เพราะ “เสี่ยก้อง” เคยบอกว่าเลิกกับภรรยาแล้ว ตอนนั้นเธอจึงขับรถออกจากคลินิก แต่ “เสี่ยก้อง” กระโดดขึ้นรถตามมาด้วย และสุดท้าย “เสี่ยก้อง” ตัดสินใจกระโดดลงจากรถ เพื่อประชด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ “เสี่ยก้อง” ทำอะไรโลดโผนเพื่อเรียกร้องความสนใจเป็นประจำ ทำให้ น.ส.พภัสสรณ์ หรือ “นุ่น” ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องของ “เสี่ยก้อง” ถึงกับบอกว่า ได้ยินแบบนี้ทนไม่ไหว ขอเปิดหน้าสู้ เพราะมองว่า “แหม่ม” ไม่พูดความจริงทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “เสี่ยก้อง” คบหาและใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี โดยที่พ่อแม่และครอบครัว “เสี่ยก้อง” รู้เรื่องดี เพราะที่ผ่านมา “เสี่ยก้อง” ไปมาหาสู่และดูแล “นุ่น” อย่างดี ตอนนี้เธอก็ตั้งท้องลูกคนที่ 2 ของ “เสี่ยก้อง” และไม่เคยไปหาเรื่องใคร มีแต่ “แหม่ม” ตามมารังควาน โดยเฉพาะวันเกิดเหตุ “แหม่ม” ตามไปหาเรื่องถึงหน้าคลินิกฝากครรภ์ ซึ่งภาพวงจรปิดหน้าคลินิกเห็นชัดว่า ทันทีที่ “แหม่ม” รู้ว่า “เสี่ยก้อง” พา “นุ่น” มาฝากครรภ์ ก็ตามมาหาเรื่องตบตี “เสี่ยก้อง” รวมถึงพยายามเข้ามาทำร้าย “นุ่น” ด้วย แต่ตอนนั้นยอมรับว่า “เสี่ยก้อง” พยายามปกป้อง “นุ่น” และลูกอย่างเต็มที่ ทำให้ต้องยอมขึ้นรถไปเคลียร์กับ “แหม่ม” แต่กลับเกิดเรื่องสลด “เสี่ยก้อง” ไม่ได้กลับมาหาครอบครัว วันนี้ย้ำว่าสุดทน “นุ่น” เตรียมเดินหน้าฟ้องเอาผิด “แหม่ม” ในทุกข้อกล่าวหาที่ทำได้ จึงไปหารือกับทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด

ล่าสุด “ทนายษิทรา” ก็ออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยบอกว่า ในฐานะที่ผมเป็นทนายของฝั่งคุณนุ่น เมียหลวง ขอวินิจฉัยคดี “เสี่ยก้อง” ตกรถจนเสียชีวิต ตามข้อสังเกต


เริ่มต้นจากรถกระบะ 4 ประตู ขับมาด้วยความเร็ว มีรถยนต์ของน้องชาย “แหม่ม” ขับตามด้านหลัง (ซึ่งภาพทั้งหมดได้จากกล้องของรถน้องชายแหม่ม) เมื่อมาถึงบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ขณะเลี้ยวซ้ายเข้าซอย “เสี่ยก้อง” ได้เปิดประตูรถออกมา สังเกตเห็นว่า “เสี่ยก้อง” ลักษณะเหมือนจับบริเวณที่จับประตูไว้

ขณะเดียวกัน รถยนต์คันที่ “แหม่ม” ขับขี่ได้เร่งเครื่องยนต์ และหักเลี้ยวไปทางขวา ทำให้เกิดแรงเหวี่ยง โดยแรงเหวี่ยงทำให้ “เสี่ยก้อง” ตกลงจากรถและกลิ้งไปตามถนน ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ศีรษะได้พุ่งกระแทกไปด้านหน้าก่อน จึงเป็นสาเหตุให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง

นอกจากนี้ “ทนายษิทรา” ยังบอกด้วยว่า เหตุการณ์นี้ ความล่าช้าในการช่วยเหลือที่รอถึง 20 นาที และคำพูดประชดแดกดัน อาจส่งผลให้การช่วยปฐมพยาบาลและขอความช่วยเหลือไม่ทันท่วงที อาจเป็นหนึ่งสาเหตุให้ “เสี่ยก้อง” เสียชีวิตได้


ส่วนข้อหาที่สามารถเอาผิดกับ “แหม่ม” และพรรคพวกได้นั้น “ทนายษิทรา” แจงยิบว่ามีหลายข้อ ยกตัวอย่างกรณีแรก อาจเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เล็งเห็นผล เพราะระหว่างขับรถนั้น “แหม่ม” กับ “เสี่ยก้อง” มีปากเสียงกัน “แหม่ม” ควรต้องขับรถด้วยความระวังอย่างยิ่ง การที่ “แหม่ม” ขับรถมาด้วยความเร็วและเข้าโค้งด้วยความเร็ว ทั้งที่เห็นว่า “เสี่ยก้อง” ได้บอกให้ “แหม่ม” จอดรถเพื่อจะลง แต่ “แหม่ม” ไม่ยอมจอด จนมาถึงที่เกิดเหตุ “เสี่ยก้อง” ได้เปิดประตูกระโดดลงไป แต่แทนที่ “แหม่ม” เมื่อเห็นเช่นนั้นจะจอดรถในทันที กลับเร่งเครื่องและหักพวงมาลัยไปทางขวา ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงของรถเหวี่ยงตัว “เสี่ยก้อง” ตกจากรถ ศีรษะกระแทกพื้น อาการสาหัสและเสียชีวิต การกระทำนี้ของ “แหม่ม” อาจจะมีเจตนาฆ่า โดยย่อมเล็งเห็นผลว่า หากตนเองขับรถและเร่งเครื่องไปด้วยความเร็วและหักพวงมาลัยออกไปทางขวา เป็นไปได้ว่า “เสี่ยก้อง” จะถูกแรงเหวี่ยงของรถเหวี่ยงลงจากรถและตกจากรถได้ จึงมีเจตนาย่อมเล็งเห็นผลว่า “เสี่ยก้อง” จะตกรถและได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

กรณีที่ 2 การที่ “แหม่ม” ขับรถด้วยความเร็ว ทั้งที่รู้ว่า “เสี่ยก้อง” พยายามที่จะให้จอดเพื่อลง แต่ “แหม่ม” ดื้อดึงที่จะขับรถต่อไปด้วยความเร็ว ขณะที่ “เสี่ยก้อง” เปิดประตูนั้น สาวคนสนิทก็ยังไม่จอดรถ จนเป็นเหตุให้ “เสี่ยก้อง” พลัดตกจากรถ ศีรษะกระแทกพื้นได้รับอันตรายและเสียชีวิต อาจถือได้ว่าการที่ “แหม่ม” ขับรถเช่นนั้นเป็นการขับรถด้วยความประมาท ปราศจากความระมัดระวัง จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

ส่วนความผิดสำหรับญาติที่ขับรถตามมาด้านหลังนั้น กฎหมายที่เกี่ยวข้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต ซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพราะเมื่อพิจารณาจากคลิปวิดีโอ “น้องชายของแหม่ม” ได้พูดทำนองว่า “ปล่อยมัน ปล่อยมันแหม่ม ไม่ต้องไปดูเลย มันโดดเอง” และไม่ช่วยพาส่งโรงพยาบาลทันที ทำให้เห็นเจตนาของน้องชายแหม่มว่า ไม่มีเจตนาที่จะช่วย “เสี่ยก้อง” ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอันตรายแห่งชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อนำกล้องหลังรถบางส่วนมาดู พบว่าได้พยายามช่วยเหลือแล้ว ก็สามารถนำมาให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณาได้

คดีนี้น่าจะยาว เพราะอีกฟากก็ยืนยันความบริสุทธิ์ แถมมี “ทนายเดชา” เป็นทนายว่าความให้ แต่อีกฟากก็ดึง “ทนายตั้ม” มาสู้คดี โดยโต้กลับว่ามีการโกหกเกิดขึ้น ต่างคนต่างงัดหลักฐานมาแสดง แถมทนายทั้งคู่ก็เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก่อน คงต้องตามกันต่อไปยาวๆ. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง