ญาติ “เสี่ยก้อง” เตรียมแจ้งความเอาผิดสาวคนสนิท-น้องชาย

กาญจนบุรี 1 ก.พ. – ญาติ “เสี่ยก้อง” เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดัง จ.กาญจนบุรี เตรียมแจ้งความเอาผิดสาวคนสนิท รวมถึงน้องชาย หลังมีคลิปเผยแพร่เหตุการณ์ขณะ “เสี่ยก้อง” ตกจากรถของสาวคนสนิท ทั้งยังเชื่อว่าไม่น่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกจากรถ ด้าน น.ส.เเหม่ม พร้อมน้องชาย เข้าพบ “ทนายเดชา” ขอคำปรึกษาสู้คดี


นี่เป็นภาพของญาติ “เสี่ยก้อง” หรือนายอภิชาต พูลเผือก อายุ 39 ปี เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดังใน จ.กาญจนบุรี ที่ไม่พอใจอย่างหนัก ถึงกับสะกดอารมณ์ไม่อยู่ โวยกลางงานฌาปนกิจ หลังเห็นคลิป “เสี่ยก้อง” ตกลงมาจากรถของสาวคนสนิท แต่ไม่มีใครช่วย

โดยคลิปจากกล้องติดหน้ารถ เป็นคันที่ขับตามรถของสาวคนสนิท “เสี่ยก้อง” บันทึกไว้เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ “เสี่ยก้อง” ประสบอุบัติเหตุ โดย “เสี่ยก้อง” นั่งรถกระบะป้ายแดง ที่มีเพื่อนสาวคนสนิทเป็นคนขับ ซึ่งจากคำบอกเล่าของเพื่อนสาวคนสนิทในตอนแรก วันเกิดเหตุ ระหว่างขับรถ “เสี่ยก้อง” และเพื่อนสาวคนดังกล่าว มีปากเสียงทะเลาะกันบนรถ โดย “เสี่ยก้อง” พยายามบอกให้เพื่อนสาวจอดรถ แต่เพื่อนสาวไม่ยอมจอด กระทั่งจังหวะรถเลี้ยวโค้ง “เสี่ยก้อง” เปิดประตูรถออก และกระโดดลงไปเอง จนศีรษะกระแทกพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่รถคันที่ขับตามมา ก็คือน้องชายของสาวคนสนิท ได้ช่วยกันโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล


จากคลิปภาพกล้องหน้ารถที่ญาติๆ เห็น ต่างพากันโกรธแค้นสาวคนสนิทของเสี่ยก้อง และน้องชาย เพราะเมื่อดูคลิปแล้วเห็นว่า ช่วงเกิดเหตุ “เสี่ยก้อง” พยายามเปิดประตูรถ เพื่อขู่ให้เพื่อนสาวจอดรถจริง แต่เพื่อนสาวคนดังกล่าวกลับเร่งความเร็ว ทำให้รถกระชาก จนทำให้ “เสี่ยก้อง” ตกจากรถ ร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นเพื่อนสาวคนดังกล่าวได้จอดรถลงมาดู พร้อมตะโกนด่าทอ “เสี่ยก้อง” และยังบอกให้รีบลุกขึ้นมา โดยไม่เข้าไปให้การช่วยเหลือใดๆ ขณะที่น้องชายของเพื่อนสาวคนดังกล่าว ที่นั่งอยู่ในรถคันติดกล้อง ซึ่งขับตามมา ได้ตะโกนบอกให้พี่สาว รวมทั้งเพื่อนที่อยู่ในรถคันติดกล้อง ไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ “เสี่ยก้อง” ปล่อยให้นอนอยู่แบบนั้น ทั้งยังกล่าวหาว่า “เสี่ยก้อง” แกล้งเจ็บเรียกร้องความสนใจ และกว่าจะมีการโทรศัพท์ตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาให้ความช่วยเหลือ เวลาก็ผ่านไปมากกว่า 20 นาที ทำให้ “เสี่ยก้อง” อาการสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด

คลิปนี้ คำพูดแบบนี้ ทำให้ครอบครัวและเพื่อนสนิท “เสี่ยก้อง” ถึงกับรับไม่ได้ ก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ฟิวส์ขาด” กลางงานฌาปนกิจ ตามที่เห็นในคลิป ซึ่งญาติๆ ต่างตะโกนด่าทอเพื่อนสาวคนสนิทของ “เสี่ยก้อง” อย่างรุนแรง และพยายามจะเข้าไปเอาเรื่อง จนแขกที่มาร่วมงานศพต้องช่วยกันห้ามปราม และขอให้เพื่อนสาวคนสนิท “เสี่ยก้อง” ออกจากงานศพไปก่อน

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) น.ส.พภัสสรณ์ ปิ่นจุ หรือ นุ่น อายุ 37 ปี ภรรยาเสี่ยก้อง พร้อมนางลักษ์ชนก ฮิดาคา อายุ 39 ปี พี่สะใภ้เสี่ยก้อง ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสังวรณ์ ผกก.สภ.ท่าม่วง ให้ช่วยตรวจสอบการเสียชีวิตของ “เสี่ยก้อง” หลังจากได้ทำการฌาปนกิจศพ “เสี่ยก้อง” ไปเมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากมาเห็นภาพคลิปแบบเต็มๆ ยาวๆ แล้ว พี่สะใภ้และภรรยาเกิดข้อสงสัยการเสียชีวิตของ “เสี่ยก้อง” คงไม่ใช่แค่ตกจากรถธรรมดา น่าจะมีการถูกทำร้ายก่อนมากกว่า


น.ส.พภัสสรณ์ ภรรยา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุสามีได้พาตนเองไปส่งยังคลินิก เพื่อตรวจร่างกาย โดยมีตนเอง สามี และลูกสาวไปด้วย จากนั้น น.ส.แหม่ม หญิงสาวคนสนิทของ “เสี่ยก้อง” มาปรากฏตัวบริเวณหน้าคลินิก สามีจึงเดินออกไปพบกับ น.ส.แหม่ม และเกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน เสียงดังมาก บริเวณรถกระบะป้ายแดง ที่มี น.ส.แหม่ม เป็นคนขับมา กระทั่งตนเองเดินออกไปเพื่อกลับบ้าน เนื่องจากตรวจร่างกายเสร็จแล้ว น.ส.แหม่ม ได้เดินเข้ามาหาตน คาดว่าน่าจะให้ตนเคลียร์เรื่องที่ว่า สามีตนจะอยู่กับใคร ระหว่างตนกับ น.ส.แหม่ม ซึ่งตนเองไม่สนใจ เพราะมีลูกสาวไปด้วย ไม่อยากให้ลูกทราบเรื่องของผู้ใหญ่ ก่อนที่สามีกับ น.ส.แหม่ม จะพากันขึ้นรถกระบะป้ายแดงออกไป จนเกิดเหตุตามคลิป และจริงๆ แล้วไม่ควรจะเคลื่อนย้ายสามี ควรให้ทางมูลนิธิฯ หรือผู้ชำนาญไปเคลื่อนย้ายจะดีกว่า เพราะรู้ว่าจะเคลื่อนย้ายอย่างไรให้ปลอดภัย จากที่อาจจะยังไม่เสียชีวิต แต่การเคลื่อนย้ายไม่ถูกต้องจึงทำให้เสียชีวิตก็เป็นได้

ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสังวรณ์ ผกก.สภ.ท่าม่วง เปิดเผยว่า เรื่องนี้ต้องสอบสวนจากกล้องวิดีโอ พร้อมกับผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นอีกครั้ง จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว การใช้รถมีกฎหมายว่าเข้าข่ายความประมาทหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตั้งแต่เห็นคลิปทั้งหมดแล้ว การที่ฝ่ายผู้เสียหายนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติมก็เป็นเรื่องที่ดี ทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสอบสวนต่อไปแล้ว รอให้หลักฐานชัดเจนก็จะแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการเสียชีวิตต่อไป

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) เวลา 14.30 น. น.ส.เเหม่ม เเละนายเจฟ น้องชาย ได้เข้าพบ “ทนายเดชา” เพื่อขอคำปรึกษาทางคดี ก่อนจะเเถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมกับนำคลิปจากกล้องหลังรถ มาเปิดเผยเพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า หลังเกิดเหตุมีการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจริง โดยคลิปจากกล้องหลังรถเป็นเหตุการณ์ขณะที่ น.ส.แหม่ม และน้องชาย กำลังปฐมพยาบาล และนำ “เสี่ยก้อง” ขึ้นรถเพื่อส่งโรงพยาบาล

น.ส.เเหม่ม ยืนยันว่า ไม่ได้วางแผนฆ่า “เสี่ยก้อง” ก่อนเกิดเหตุ ตอนอยู่บนรถ ตนเองกับ “เสี่ยก้อง” มีปากเสียงกันมาตลอดทาง เรื่องที่จับได้ว่าฝ่ายชายยังไม่เลิกกับภรรยา เเละภรรยายังท้องด้วย เพราะตอนที่คบกัน ผู้ตายอ้างว่าเลิกกับภรรยาไปเเล้ว ดังนั้นจึงจะพาผู้ตายไปบ้านภรรยาหลวง เพื่อจะเคลียร์กันให้รู้เรื่อง เเต่ผู้ตายไม่ยอมไป ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงจากรถ เพื่อประชด

เเต่หลังจากเกิดเหตุ หลังคลิปจบ ตนเองเเละน้องชายพยายามจะช่วยกันอุ้มผู้ตายขึ้นรถ เพื่อนำส่งโรงพยาบาล เเต่สังเกตเห็นว่า ผู้ตายมีอาการบาดเจ็บที่ขา จึงไม่กล้าเคลื่อนย้าย จึงโทรเเจ้งกู้ภัยให้มารับตัวส่งโรงพยาบาลเเทน

ส่วนความเร็วของรถขณะเกิดเหตุ ไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง เเต่จังหวะที่ผู้ตายกระโดด เป็นจังหวะที่ตนเองเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ดูเหมือนรถพุ่ง เเต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาเร่งเครื่อง

ทั้งนี้ ตนเองรักผู้ตายมาก หลังจากทราบข่าวว่าญาติเข้าเเจ้งความ ก็เสียใจมาก เพราะตลอดระยะเวลาที่คบหากับผู้ตาย ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวผู้ตายมาโดยตลอด ทุกคนรับรู้ว่าเราคบกัน เเต่วันนี้ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ถูกกล่าวหาว่าฆ่าสามี

ด้าน “ทนายเดชา” เปิดเผยแนวทางหลังจากนี้ว่า การที่ญาติผู้ตายกล่าวหา น.ส.เเหม่ม หรือต้องการดำเนินคดี ก็เป็นสิทธิ ซึ่งทาง น.ส.เเหม่ม ก็มีสิทธิที่จะสู้คดี สำหรับหลักฐานในทางคดี คือ คลิปที่ผู้ตายตกลงจากรถ ซึ่งชัดเจนเเล้วว่ากระโดดลงจากรถเอง หลังจากนี้ต้องไปสู้กันในชั้นศาล ซึ่งตนเองรับเป็นที่ปรึกษาทางคดีให้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย