ญาติ “เสี่ยก้อง” เตรียมแจ้งความเอาผิดสาวคนสนิท-น้องชาย

กาญจนบุรี 1 ก.พ. – ญาติ “เสี่ยก้อง” เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดัง จ.กาญจนบุรี เตรียมแจ้งความเอาผิดสาวคนสนิท รวมถึงน้องชาย หลังมีคลิปเผยแพร่เหตุการณ์ขณะ “เสี่ยก้อง” ตกจากรถของสาวคนสนิท ทั้งยังเชื่อว่าไม่น่าจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกจากรถ ด้าน น.ส.เเหม่ม พร้อมน้องชาย เข้าพบ “ทนายเดชา” ขอคำปรึกษาสู้คดี


นี่เป็นภาพของญาติ “เสี่ยก้อง” หรือนายอภิชาต พูลเผือก อายุ 39 ปี เจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดังใน จ.กาญจนบุรี ที่ไม่พอใจอย่างหนัก ถึงกับสะกดอารมณ์ไม่อยู่ โวยกลางงานฌาปนกิจ หลังเห็นคลิป “เสี่ยก้อง” ตกลงมาจากรถของสาวคนสนิท แต่ไม่มีใครช่วย

โดยคลิปจากกล้องติดหน้ารถ เป็นคันที่ขับตามรถของสาวคนสนิท “เสี่ยก้อง” บันทึกไว้เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ “เสี่ยก้อง” ประสบอุบัติเหตุ โดย “เสี่ยก้อง” นั่งรถกระบะป้ายแดง ที่มีเพื่อนสาวคนสนิทเป็นคนขับ ซึ่งจากคำบอกเล่าของเพื่อนสาวคนสนิทในตอนแรก วันเกิดเหตุ ระหว่างขับรถ “เสี่ยก้อง” และเพื่อนสาวคนดังกล่าว มีปากเสียงทะเลาะกันบนรถ โดย “เสี่ยก้อง” พยายามบอกให้เพื่อนสาวจอดรถ แต่เพื่อนสาวไม่ยอมจอด กระทั่งจังหวะรถเลี้ยวโค้ง “เสี่ยก้อง” เปิดประตูรถออก และกระโดดลงไปเอง จนศีรษะกระแทกพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนที่รถคันที่ขับตามมา ก็คือน้องชายของสาวคนสนิท ได้ช่วยกันโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล


จากคลิปภาพกล้องหน้ารถที่ญาติๆ เห็น ต่างพากันโกรธแค้นสาวคนสนิทของเสี่ยก้อง และน้องชาย เพราะเมื่อดูคลิปแล้วเห็นว่า ช่วงเกิดเหตุ “เสี่ยก้อง” พยายามเปิดประตูรถ เพื่อขู่ให้เพื่อนสาวจอดรถจริง แต่เพื่อนสาวคนดังกล่าวกลับเร่งความเร็ว ทำให้รถกระชาก จนทำให้ “เสี่ยก้อง” ตกจากรถ ร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นเพื่อนสาวคนดังกล่าวได้จอดรถลงมาดู พร้อมตะโกนด่าทอ “เสี่ยก้อง” และยังบอกให้รีบลุกขึ้นมา โดยไม่เข้าไปให้การช่วยเหลือใดๆ ขณะที่น้องชายของเพื่อนสาวคนดังกล่าว ที่นั่งอยู่ในรถคันติดกล้อง ซึ่งขับตามมา ได้ตะโกนบอกให้พี่สาว รวมทั้งเพื่อนที่อยู่ในรถคันติดกล้อง ไม่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ “เสี่ยก้อง” ปล่อยให้นอนอยู่แบบนั้น ทั้งยังกล่าวหาว่า “เสี่ยก้อง” แกล้งเจ็บเรียกร้องความสนใจ และกว่าจะมีการโทรศัพท์ตามเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาให้ความช่วยเหลือ เวลาก็ผ่านไปมากกว่า 20 นาที ทำให้ “เสี่ยก้อง” อาการสาหัสและเสียชีวิตในที่สุด

คลิปนี้ คำพูดแบบนี้ ทำให้ครอบครัวและเพื่อนสนิท “เสี่ยก้อง” ถึงกับรับไม่ได้ ก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ฟิวส์ขาด” กลางงานฌาปนกิจ ตามที่เห็นในคลิป ซึ่งญาติๆ ต่างตะโกนด่าทอเพื่อนสาวคนสนิทของ “เสี่ยก้อง” อย่างรุนแรง และพยายามจะเข้าไปเอาเรื่อง จนแขกที่มาร่วมงานศพต้องช่วยกันห้ามปราม และขอให้เพื่อนสาวคนสนิท “เสี่ยก้อง” ออกจากงานศพไปก่อน

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) น.ส.พภัสสรณ์ ปิ่นจุ หรือ นุ่น อายุ 37 ปี ภรรยาเสี่ยก้อง พร้อมนางลักษ์ชนก ฮิดาคา อายุ 39 ปี พี่สะใภ้เสี่ยก้อง ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสังวรณ์ ผกก.สภ.ท่าม่วง ให้ช่วยตรวจสอบการเสียชีวิตของ “เสี่ยก้อง” หลังจากได้ทำการฌาปนกิจศพ “เสี่ยก้อง” ไปเมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) เนื่องจากมาเห็นภาพคลิปแบบเต็มๆ ยาวๆ แล้ว พี่สะใภ้และภรรยาเกิดข้อสงสัยการเสียชีวิตของ “เสี่ยก้อง” คงไม่ใช่แค่ตกจากรถธรรมดา น่าจะมีการถูกทำร้ายก่อนมากกว่า


น.ส.พภัสสรณ์ ภรรยา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุสามีได้พาตนเองไปส่งยังคลินิก เพื่อตรวจร่างกาย โดยมีตนเอง สามี และลูกสาวไปด้วย จากนั้น น.ส.แหม่ม หญิงสาวคนสนิทของ “เสี่ยก้อง” มาปรากฏตัวบริเวณหน้าคลินิก สามีจึงเดินออกไปพบกับ น.ส.แหม่ม และเกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน เสียงดังมาก บริเวณรถกระบะป้ายแดง ที่มี น.ส.แหม่ม เป็นคนขับมา กระทั่งตนเองเดินออกไปเพื่อกลับบ้าน เนื่องจากตรวจร่างกายเสร็จแล้ว น.ส.แหม่ม ได้เดินเข้ามาหาตน คาดว่าน่าจะให้ตนเคลียร์เรื่องที่ว่า สามีตนจะอยู่กับใคร ระหว่างตนกับ น.ส.แหม่ม ซึ่งตนเองไม่สนใจ เพราะมีลูกสาวไปด้วย ไม่อยากให้ลูกทราบเรื่องของผู้ใหญ่ ก่อนที่สามีกับ น.ส.แหม่ม จะพากันขึ้นรถกระบะป้ายแดงออกไป จนเกิดเหตุตามคลิป และจริงๆ แล้วไม่ควรจะเคลื่อนย้ายสามี ควรให้ทางมูลนิธิฯ หรือผู้ชำนาญไปเคลื่อนย้ายจะดีกว่า เพราะรู้ว่าจะเคลื่อนย้ายอย่างไรให้ปลอดภัย จากที่อาจจะยังไม่เสียชีวิต แต่การเคลื่อนย้ายไม่ถูกต้องจึงทำให้เสียชีวิตก็เป็นได้

ด้าน พ.ต.อ.ศราวุธ ศรีสังวรณ์ ผกก.สภ.ท่าม่วง เปิดเผยว่า เรื่องนี้ต้องสอบสวนจากกล้องวิดีโอ พร้อมกับผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นอีกครั้ง จากการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว การใช้รถมีกฎหมายว่าเข้าข่ายความประมาทหรือไม่ ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตั้งแต่เห็นคลิปทั้งหมดแล้ว การที่ฝ่ายผู้เสียหายนำข้อมูลมาให้เพิ่มเติมก็เป็นเรื่องที่ดี ทางเจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสอบสวนต่อไปแล้ว รอให้หลักฐานชัดเจนก็จะแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการเสียชีวิตต่อไป

ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) เวลา 14.30 น. น.ส.เเหม่ม เเละนายเจฟ น้องชาย ได้เข้าพบ “ทนายเดชา” เพื่อขอคำปรึกษาทางคดี ก่อนจะเเถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมกับนำคลิปจากกล้องหลังรถ มาเปิดเผยเพิ่มเติม เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า หลังเกิดเหตุมีการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจริง โดยคลิปจากกล้องหลังรถเป็นเหตุการณ์ขณะที่ น.ส.แหม่ม และน้องชาย กำลังปฐมพยาบาล และนำ “เสี่ยก้อง” ขึ้นรถเพื่อส่งโรงพยาบาล

น.ส.เเหม่ม ยืนยันว่า ไม่ได้วางแผนฆ่า “เสี่ยก้อง” ก่อนเกิดเหตุ ตอนอยู่บนรถ ตนเองกับ “เสี่ยก้อง” มีปากเสียงกันมาตลอดทาง เรื่องที่จับได้ว่าฝ่ายชายยังไม่เลิกกับภรรยา เเละภรรยายังท้องด้วย เพราะตอนที่คบกัน ผู้ตายอ้างว่าเลิกกับภรรยาไปเเล้ว ดังนั้นจึงจะพาผู้ตายไปบ้านภรรยาหลวง เพื่อจะเคลียร์กันให้รู้เรื่อง เเต่ผู้ตายไม่ยอมไป ก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงจากรถ เพื่อประชด

เเต่หลังจากเกิดเหตุ หลังคลิปจบ ตนเองเเละน้องชายพยายามจะช่วยกันอุ้มผู้ตายขึ้นรถ เพื่อนำส่งโรงพยาบาล เเต่สังเกตเห็นว่า ผู้ตายมีอาการบาดเจ็บที่ขา จึงไม่กล้าเคลื่อนย้าย จึงโทรเเจ้งกู้ภัยให้มารับตัวส่งโรงพยาบาลเเทน

ส่วนความเร็วของรถขณะเกิดเหตุ ไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง เเต่จังหวะที่ผู้ตายกระโดด เป็นจังหวะที่ตนเองเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ดูเหมือนรถพุ่ง เเต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาเร่งเครื่อง

ทั้งนี้ ตนเองรักผู้ตายมาก หลังจากทราบข่าวว่าญาติเข้าเเจ้งความ ก็เสียใจมาก เพราะตลอดระยะเวลาที่คบหากับผู้ตาย ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัวผู้ตายมาโดยตลอด ทุกคนรับรู้ว่าเราคบกัน เเต่วันนี้ต้องตกเป็นจำเลยสังคม ถูกกล่าวหาว่าฆ่าสามี

ด้าน “ทนายเดชา” เปิดเผยแนวทางหลังจากนี้ว่า การที่ญาติผู้ตายกล่าวหา น.ส.เเหม่ม หรือต้องการดำเนินคดี ก็เป็นสิทธิ ซึ่งทาง น.ส.เเหม่ม ก็มีสิทธิที่จะสู้คดี สำหรับหลักฐานในทางคดี คือ คลิปที่ผู้ตายตกลงจากรถ ซึ่งชัดเจนเเล้วว่ากระโดดลงจากรถเอง หลังจากนี้ต้องไปสู้กันในชั้นศาล ซึ่งตนเองรับเป็นที่ปรึกษาทางคดีให้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ถกต่อยอดซอฟต์พาวเวอร์ ดัน 5 ยุทธศาสตร์

บ้านพิษณุโลก 14 ก.ค.- “แพทองธาร” เข้าบ้านพิษณุโลก หารือบีโอไอ – ทีมซอฟต์พาวเวอร์ไทย หนุนลงทุน พร้อมต่อยอด ดัน 5 ยุทธศาสตร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก ในเวลา 09.50 น. เพื่อประชุมกับทีมที่ปรึกษาและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเป็นการหารือต่อยอดจากที่นางสาวแพทองธาร ได้ประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ไทย 5 ด้าน ทั้ง อาหารไทย มวยไทย ไทยเวลเน็ต ภาพยนต์ไทย และอัญมนี บนเวที Splash Softpower Forum 2025 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อวันที่ 8-11 ก.ค. ที่ผ่านมา .-316 -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 14 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร […]

พระปรางค์วัดอรุณ

ข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยข่าวดี “พระปรางค์วัดอรุณฯ” ได้รับบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลกของยูเนสโกแล้ว นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า “ข่าวดีของคนไทย “พระปรางค์วัดอรุณ ราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ได้รับการบรรจุขึ้นบัญชีรายชื่อเบื้องต้นมรดกโลก (Tentative List) ของยูเนสโกแล้วค่ะ ดิฉันได้รับรายงานจากคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ กรุงปารีส แจ้งว่า ที่ประชุมได้รับทราบว่าพระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในรายชื่อบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอย่างสมบูรณ์ในอนาคต กระทรวงวัฒนธรรมมอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการจัดทำเอกสารเสนอชื่อ (Nomination Dossier) ควบคู่กับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการพื้นที่ตามหลักสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ขั้นตอนต่อไป ความคืบหน้านี้เป็นมากกว่าการอนุรักษ์สถานที่ แต่คือการยืนยันอัตลักษณ์ไทยที่งดงามและทรงคุณค่าในสายตาชาวโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่นี้” .-316 สำนักข่าวไทย

ตรวจสอบรายรับรายจ่ายวัดใหญ่จอมปราสาท

สมุทรสาคร 13 ก.ค. – เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบรายรับรายจ่ายของวัดใหญ่จอมปราสาท นำมาเทียบกับเส้นเงินของของเจ้าอาวาสที่หนีไป หลังตรวจพบโอนเงินให้สีกา ก. กว่า 1 ล้านบาท ที่วัดใหญ่จอมปราสาท ต.ท่าจีน อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. นำคณะเข้าพบ พระครูสาครสุตกิจ เจ้าคณะตำบลท่าฉลอม เจ้าอาวาสวัดน้อยนางหงษ์ คณะพระสงฆ์ (พระลูกวัด) วัดใหญ่จอมปราสาท ผู้นำชุมชน และคณะกรรมการวัด เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ระบบการเงินในวัดใหญ่จอมปราสาท เพื่อนำไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระมหาทิวากร เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ตรวจพบว่าได้โอนเงินกว่า 1 ล้านบาทไปให้สีกา ก. แต่ยังไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้อง ประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เงินที่โอนให้สีกาเป็นเงินส่วนไหน แล้วเงินวัดมีรายรับจากที่ใดบ้าง มีรายจ่ายอย่างไร รวมถึง เงินวัดนั้นเข้าบัญชีใคร มีไวยาวัจกรณ์เบิกจ่ายหรือไม่ หรือใครเป็นผู้ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินทั้งหมด ผู้ใหญ่บ้านชี้แจงว่า ทางวัดยังไม่มีไวยาวัจกรวัดคนใหม่ หลังจากคนเก่าลาออกไปเล่นการเมืองท้องถิ่น ส่วนเงินวัดนั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้บริหารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเงินวัดก็จะมีรายรับมาจากให้ที่จอดเรือบริเวณหน้าวัด ประมาณเดือนละ […]