สถาบันวัคซีนฯ 23 พ.ย.-ผู้แทนองค์การอนามัยโลกในไทย ย้ำวัคซีนโควิดปลอดภัย คนไทยโชคดีได้ฉีดฟรีขอให้เร่งรับวัคซีน ด้านเสวนาสถาบันวัคซีนฯ เผยข้อมูลยันภูมิลด 3-6 เดือนหลังฉีด ต้องเข็ม3 กระตุ้น
สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ร่วมกับองค์การอนามัยโลก จัดเสวนาออนไลน์เปิดข้อมูล (ไม่) ลับ กับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ในหัวข้อ ร่วมเปิดใจ พร้อมไขทุกข้อสงสัย “วัคซีนโควิด 19 กับก้าวต่อไปของคนไทย” โดยมี นพ.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย ร่วมกล่าวเปิดการเสวนา โดยยืนยันถึงประสิทธิภาพความปลอดภัยของวัคซีนโควิด ซึ่งมีการฉีดใช้งานมาแล้ว 7 พันล้านโดสทั่วโลกจึงขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน แม้จะป้องกันการติดเชื้ออีกไม่ได้ แต่ช่วยไม่ให้ป่วยรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มโรคเสี่ยงและหญิงตั้งครรภ์ขอให้รีบเข้าวัคซีน และแม้จะรับวัคซีนแล้วก็ยังต้องใส่หน้ากาก ไม่ไปในที่แออัด ล้างมือบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันโควิดได้ เหมือนการนั่งรถแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยหรือมีระบบถุงลมนิรภัย เพื่อป้องกันโควิด โดยควรเข้ารับวัคซีนให้ครบคอร์ส ซึ่งประเทศไทยโชคดีมากที่มากถึง 45 ล้านคนจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิดฟรี จึงอยากย้ำโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์รีบเข้ารับวัคซีน
ด้าน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวเปิดการเสวนาว่า การเสวนาครั้งนี้เพื่อตอบข้อสงสัยประเด็นเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สถานการณ์ปัจจุบันของไวรัสกลายพันธุ์ ภูมิคุ้มกันหลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 เพียงพอกับการป้องกันโรคหรือไม่ ภูมิคุ้มกันอยู่ได้นานเท่าไหร่ การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มีความจำเป็นอย่างไร และคนกลุ่มไหนควรได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเร่งด่วน รวมถึงประเด็นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ร่วมกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่แท้จริง
นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กลุ่มแผนปฏิบัติการชาติฯ กล่าวว่า สถานการณ์ของเชื้อโควิดล่าสุดในเดือน พ.ย.พบว่าสายพันธุ์ที่ระบาดมากสุดร้อยละ 99.7 เป็นสายพันธุ์เดลตา ที่เหลือเป็นสายพันธุ์อัลฟ่ากับเบตา ผลการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการอยู่ พบว่าสูตรไขว้ ซิโนแวค แอสตราฯมีภูมิคุ้มกันสูงพอและสูตรแอสตราฯ-ไฟเซอร์ กับสูตรซิโนแวค-ไฟเซอร์ ได้ผลสูงเช่นกัน จึงขอให้มั่นใจสูตรที่ สธ.ใช้ฉีดให้ในปัจจุบัน โดยวัคซีนโควิด แสดงผลชัดเจนว่า ทำให้ผู้ป่วยหนัก หรือไอซียูลดน้อยลงมาก โดยผู้เสียชีวิต ร้อยละ 60-70 ไม่เคยรับวัคซีน
นพ.วีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีวัคซีนโควิดมากพอหลายชนิดกระทรวง สธ.จึงขยับเป้าหมายการฉีดวัคซีน เข็ม1ให้ได้ร้อยละ 80 ของประชากรและเข็ม 2 ร้อยละ 70 ของประชากร โดยสถิติแล้วความเสี่ยงเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิด 100 ราย เสียชีวิต1ราย ขณะที่ฉีดวัคซีนประมาณ 20 ล้านโดสพบเสี่ยงเสียชีวิต1ราย โดยเฉพาะผู้เสียชีวิตจากโควิดในไทยกว่า 2 หมื่นราย ค่ากลางอายุอยู่ที่ 67ปี กลุ่ม 608 อายุ 60ปีขึ้นไป 7โรคเสี่ยงและหญิงตั้งครรภ์ จึงควรเร่งเข้ารับวัคซีน
ศ.พญ.ธันยวีร์ ภูธนกิจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ข้อมูลชัดเจนแล้วว่าการฉีดวัคซีนไม่ได้มีผลให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และผู้ติดเชื้อโควิดแล้วก็สามารถติดเชื้อซ้ำอีกได้ รวมทั้งการรับวัคซีน ภูมิคุ้มกันจะลดลงหลังจาก3-6เดือน การฉีดเข็มกระตุ้น เข็ม 3 จึงจำเป็นมาก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 เวลาเหมาะสมในการกระตุ้นคือ 3-6เดือน และควรกระตุ้นด้วยแอสตราหรือ mRna นอกจากนี้พบว่า การฉีดวัคซีนโควิดพร้อมๆ กับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่เริ่มระบาด ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันขึ้นน้อยลงเพียงเล็กน้อยจึงฉีดพร้อมกันได้ และควรเร่งฉีดทั้งวัคซีนโควิด และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยโควิดจะยังอยู่กับเราไปอย่างน้อยอีก 1 ปี แน่นอนการฉีดเข็มกระตุ้นภูมิจึงจำเป็น.-สำนักข่าวไทย
