ไฟไหม้โกดังเก็บสินค้าวอดนับสิบล้านบาท

จันทบุรี 7 พ.ย. – เพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้า ภายในซอยด้านหลังสำนักงานสาธารณสุข อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ความเสียหายนับสิบล้านบาท


เจ้าหน้าที่งานป้องกันเทศบาลตำบลพลวง และเทศบาลใกล้เคียง นำรถน้ำ พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เข้าดับไฟโกดังเก็บสินค้า ด้านหลังสำนักงานสาธารณสุข อ.เชาคิชฌกุฏ โดยต้นเพลิงลุกลามมาจากทางด้านหลังโกดัง และลุกไหม้เผาสินค้าด้านใน ส่วนใหญ่เป็นกล่องโฟม พลาสติก และกระดาษ ทำให้เพลิงไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ขณะเดียวกันเพลิงได้ลุกลามไหม้รถบรรทุก 6 ล้อ ที่จอดอยู่ด้านหน้าโกดัง และบรรทุกสินค้าอยู่เต็มตู้ ได้รับความเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบซากรถจักรยานยนต์อีก 3 คัน ที่จอดอยู่ด้านในโกดัง ถูกเพลิงไหม้เสียหายเหลือเพียงซากเศษเหล็ก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถสกัดเพลิงไว้ได้ในวงจำกัด


น.ส.กานต์ชุดา เจ้าของโกดัง ให้การว่า โกดังที่ถูกเพลิงไหม้เป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทเครื่องมือ อุปกรณ์ทำกาแฟ และเครื่องดื่ม ตลอดจนอุปกรณ์โทรศัพท์ ก่อนเกิดเหตุได้จ้างช่างเชื่อมเข้ามาต่อเติมห้องชั้นลอยด้านหลังโกดัง เพื่อเก็บสินค้าที่ยังอยู่ในรถบรรทุก ระหว่างนั้นคาดว่าจะมีสะเก็ดไฟจากการเจียรเหล็กกระเด็นไปโดนสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกล่องโฟม พลาสติก และกระดาษ ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความตกใจ ช่างที่ทำงานอยู่ไม่ได้เอาถังดับเพลิงที่ติดตั้งไว้ในโกดังจำนวน 3 ถัง ไปฉีดสกัด กลับวิ่งหนีออกไปก่อน จนมีคนข้างบ้านไปตามที่หน้าร้าน เมื่อกลับมาถึงพบว่าเพลิงได้ลุกลามเผาวอดทั้งโกดัง ตลอดจนรถบรรทุกสินค้า และรถจักรยานยนต์ เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สาเหตุยังอยู่ระหว่างการสืบสวน เบื้องต้นได้ประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบร่องรอยที่เกิดเหตุอีกครั้ง ตลอดจนสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อสรุปสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป

โรงงานรีไซเคิลพลาสติกไหม้ซ้ำในรอบ 3 เดือน
ส่วนที่ จ.ระยอง ร.ต.อ.สุริยา กุลบุญญา รองสว.(สอบสวน) สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง รับแจ้งเพลิงไหม้โรงงานรีไซเคิลพลาสติก ใน ต.มะขามคู่ จึงนำกำลังไปควบคุมเพลิงทันที โดยจุดเกิดเหตุมีกลุ่มควันพวยพุ่งเต็มท้องฟ้า ต้นเพลิงเป็นโรงงานหลอดเม็ดพลาสติกชั้นเดียว เบื้องต้นไม่มีพนักงานอยู่ภายใน เพราะเป็นวันหยุด เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิง 5 คันเข้าควบคุมสถานการณ์ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงคุมสถานการณ์ได้ โดยโครงสร้างบางส่วนของโรงงานได้พังทลายลงมาบ้างแล้ว


นายอมรเทพ เล็กโล่ง นายกเทศมนตรีตำบลมะขามคู่ เผยว่าแม้ขณะนี้จะคุมเพลิงได้แล้ว แต่ยังมีไฟลุกไหม้อยู่ เพราะมีเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก จึงต้องทำการฉีดโฟมและน้ำหล่อไว้ ส่วนเสียงระเบิดที่ดังขึ้นนั้น เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ค้างอยู่ในเครื่องจักร ส่วนสาเหตุต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง พร้อมตรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบ โดยโรงงานแห่งนี้เมื่อ 3 เดือนก่อน เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้มาแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง