มาดริด 18 ต.ค.- นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซของสเปนรับปากจะทำให้การค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หลังจากเป็นสิ่งถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2538
นายกรัฐมนตรีซานเชซกล่าวกับผู้สนับสนุน หลังเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่พรรคสังคมนิยมที่เมืองบาเลนเซียเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า การค้าประเวณีทำให้สตรี “ตกเป็นทาส” บรรษัทกระจายเสียงอังกฤษ (บีบีซี) ระบุว่า พรรคสังคมนิยมเคยชูนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งปี 2562 ว่า จะทำให้การค้าประเวณีผิดกฎหมาย เพราะเป็นการนำความยากจนมาหาประโยชน์ทางเพศอย่างโหดร้ายที่สุดแง่มุมหนึ่ง และเป็นการใช้ความรุนแรงต่อสตรีเลวร้ายที่สุดรูปแบบหนึ่ง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเสนอร่างกฎหมายใด ๆ ในเรื่องนี้
สเปนแก้ไขกฎหมายให้การค้าประเวณีเป็นสิ่งถูกกฎหมายตั้งแต่ปี 2538 จึงไม่มีการควบคุม และไม่มีบทลงโทษผู้ขายบริการทางเพศโดยสมัครใจ ตราบใดที่ไม่กระทำในสถานที่สาธารณะ แต่ผู้เป็นธุระจัดหาถือว่าทำผิดกฎหมาย กลุ่มสนับสนุนมองว่า ระบบปัจจุบันเอื้อให้สตรีที่ประกอบอาชีพนี้ได้รับประโยชน์มากขึ้นและมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่มีกระแสวิตกว่า ช่วงหลายปีมานี้มีสตรีถูกล่อลวงมากขึ้น ปฏิบัติการบุกกวาดล้างการค้ามนุษย์ในปี 2560 พบว่า สตรีอย่างน้อยร้อยละ 80 จากที่ถูกตำรวจควบคุมตัว 13,000 คน ถูกบุคคลที่สามล่อลวงมา
สหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) เคยประเมินในปี 2559 ว่า การค้าประเวณีในสเปนมีมูลค่า 3,700 ล้านยูโร (ราว 143,420 ล้านบาท) ผลสำรวจในปี 2552 พบว่า ชายสเปนมากถึง 1 ใน 3 เคยซื้อบริการทางเพศ แต่ผลสำรวจอีกชิ้นในปีเดียวกันระบุว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงถึงร้อยละ 39 ขณะที่ผลการศึกษาของยูเอ็นในปี 2554 อ้างว่า สเปนเป็นศูนย์กลางการค้าประเวณีใหญ่อันดับ 3 ของโลก.-สำนักข่าวไทย