มะนิลา 13 ก.ย.- นักเรียนในฟิลิปปินส์เริ่มต้นการเรียนทางไกลจากบ้านเป็นปีที่ 2 ในวันนี้ เพราะโรงเรียนยังคงปิดมาตั้งแต่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เริ่มระบาด ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้วิกฤตการศึกษาเลวร้ายลงอีก
เด็กหญิงวัย 7 ขวบบอกว่า เรียนออนไลน์ระดับอนุบาลมา 1 ปีแล้ว จากห้องพักที่อาศัยร่วมกับคนในครอบครัว 6 ชีวิต ย่านชุมชนแออัดของกรุงมะนิลา แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังอ่านหนังสือไม่ออก และต้องขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้ว ขณะที่มารดาเผยว่า ลูกร้องไห้ด้วยความหงุดหงิดเพราะไม่เข้าใจบทเรียนที่เรียนจากสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังไม่สามารถออกไปเล่นนอกบ้าน แต่เธอก็ไม่เห็นด้วยหากจะให้เด็กไปโรงเรียน เพราะไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ง่ายยังแพร่ระบาดทั่วประเทศ
ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ไม่ยอมรับข้อเสนอนำร่องเปิดโรงเรียนประถมและมัธยม เพราะเกรงว่าเด็กจะติดเชื้อไวรัสแล้วนำกลับไปติดผู้สูงวัยที่บ้าน ทางการเปิดตัวโครงการเรียนแบบผสมผสานตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน ประกอบด้วยการเรียนออนไลน์ การใช้เอกสารประกอบการเรียน และการออกอากาศบทเรียนทั้งทางโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์ แต่ปัญหาใหญ่คือ นักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตที่บ้าน
องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเซฟเผยผลสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ว่า ผู้ปกครองกว่าร้อยละ 80 กังวลเรื่องลูกหลานเรียนได้น้อยลง 2 ใน 3 สนับสนุนให้เปิดโรงเรียนในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดน้อย วิกฤตการศึกษาในฟิลิปปินส์ย่ำแย่ลงอีกหลังเกิดโรคโควิด-19 ยอดเด็กลงทะเบียนเรียนภาคการศึกษาที่เปิดในเดือนกันยายน 2563 ลดลงเหลือ 26 ล้าน 9 แสนคน และลดลงอีก 5 ล้านคนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กจำนวนมากอาจไม่กลับเข้าระบบการศึกษาอีกเลย
ด้านสมาคมจิตเวชเด็กและวัยรุ่นฟิลิปปินส์ชี้ว่า การเรียนทางไกลส่งผลทางลบต่อสุขภาพจิตและพัฒนาการของเด็ก เพราะการถูกตัดขาดจากสังคมนาน ๆ ทำให้เด็กเหงาและเจ็บป่วย นอกจากนี้การขาดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและการเรียนแบบเห็นหน้ายังทำให้ทักษะที่เด็กเคยทำได้ดีถดถอยลงด้วย.-สำนักข่าวไทย