เจนีวา 18 ส.ค. – สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กล่าววานนี้ว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือมากกว่านี้เพื่อให้ได้รับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในขณะที่ประเทศในภูมิภาคนี้กำลังต่อสู้เพื่อควบคุมการระบาดและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา
อเล็กซานเดอร์ มาเธอู ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ หรือไอเอฟอาร์ซี กล่าวในแถลงการณ์ว่า ยอดผู้ติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นในเอเชียแปซิฟิกมีปัจจัยสำคัญมาจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ที่ติดต่อกันได้อย่างรวดเร็วและยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง เขากล่าวด้วว่า ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก รวมถึงเวียดนาม อินโดนีเซียและประเทศไทย มียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นประวัติการณ์เป็นสถิติใหม่บ่อยครั้ง ในขณะเดียวกัน ประเทศอย่างแคนาดา สเปน และอังกฤษ ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสให้กับพลเมืองมากกว่าร้อยละ 60 และสหรัฐมากกว่าร้อยละ 50 แต่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังตามหลังประเทศเหล่านี้อยู่อีกไกล อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็น 2 ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาค ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปได้เพียงร้อยละ 10-11 เท่านั้น ในขณะที่เวียดนามฉีดไปได้เพียงไม่ถึงร้อยละ 2 นายมาเธอู ก่าวว่า ในระยะสั้นนั้น มีความจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากขึ้นกว่าเดิมของบรรดาประเทศร่ำรวยในการช่วยแบ่งปันวัคซีนที่มีเกินกว่าความต้องการหลายล้านโดสให้กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่บริษัทวัคซีนและรัฐบาลต่าง ๆ จำเป็นต้องแบ่งปันเทคโนโลยีและเพิ่มกำลังการผลิต เขาระบุด้วยว่า ในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เป็นช่วงเวลาสำคัญในการเพิ่มการรักษา การตรวจหาผู้ติดเชื้อและการฉีดวัคซีนในทุกประเทศในภูมิภาคนี้ และจะต้องตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 70-80 ของประชากร.-สำนักข่าวไทย