กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – ธปท. เผย Q2/64 การบริโภคภาคเอกชนยังอ่อนแอ ส่งออกดีขึ้นต่อเนื่อง ห่วงโควิด – มาตรการควบคุมฉุดเศรษฐกิจ ก.ค. ร่วง
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายน 2564 ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดระลอกสามของ COVID-19 โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนยังอ่อนแอสอดคล้องกับรายได้และความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ปรับดีขึ้นเล็กน้อยตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศยังมีอยู่
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าปรับดีขึ้นต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ประเทศคู่ค้า และวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์โลกที่อยู่ในช่วงขาขึ้นส่งผลให้การส่งออกยังเพิ่มขึ้นในหลายหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรแปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ การส่งออกเหล็กเร่งขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการเปลี่ยนไปเน้นตลาดส่งออกมากขึ้นในช่วงที่ความต้องการในประเทศลดลง โดยปัจจัยเหล่านี้ยังช่วยพยุงการลงทุนภาคเอกชนและการผลิตภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ การใช้จ่ายภาครัฐยังขยายตัวได้เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน สะท้อนบทบาทในการพยุงเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีต่อเนื่อง โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายค่าตอบแทนบุคลากร ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางขยายตัวตามการเบิกจ่ายของหน่วยงานด้านคมนาคมเป็นสำคัญ
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงปรับลดลง เนื่องจากผลของฐานต่ำในหมวดราคาพลังงานทยอยหมดไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนก่อน ด้านตลาดแรงงานยังเปราะบาง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลน้อยกว่าเดือนก่อน จากดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่ขาดดุลลดลง ประกอบกับดุลการค้าเกินดุลเพิ่มขึ้นตามทิศทางการส่งออก ด้านอัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์ สรอ.อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่ค้าคู่แข่งส่วนใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ภายในประเทศที่ยังยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี ธปท. ยืนยัน ดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด ให้มีเสถียรภาพและไม่เป็นอุปสรรคต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
สำหรับในไตรมาสที่ 2 ปี 2564 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสามของ COVID-19 ส่งผลให้เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนปรับลดลงจากไตรมาสก่อน แม้มาตรการภาครัฐจะช่วยพยุงกำลังซื้อได้บางส่วน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังอ่อนแอ เนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศยังมีอยู่ อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งช่วยพยุงการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนภาคเอกชน
สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน สะท้อนถึงบทบาทในการพยุงเศรษฐกิจของภาครัฐ ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับมาเป็นบวกตามอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญ เนื่องจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งฐานราคาพลังงานที่ต่ำในปีก่อน ด้านตลาดแรงงานเปราะบางมากขึ้น สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลมากกว่าไตรมาสก่อน ตามดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่ขาดดุลเพิ่มขึ้น
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม 2564 คาดว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงและมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงยังต้องติดตามความเสี่ยง จากภาคการผลิตที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย ทั้งการแพร่ระบาดในโรงงาน และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ . – สำนักข่าวไทย