ซิดนีย์ 2 ก.ค. – ออสเตรเลียจะลดจำนวนผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศลงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากระบบโรงแรมที่ใช้เป็นสถานกักตัวเผชิญกับภาวะตึงตัวจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ขณะนี้ออสเตรเลียจะรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศได้เพียงสัปดาห์ละ 3,000 คน และจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการลดจำนวนผู้เดินทางดังกล่าวในวันที่ 14 กรกฎาคม ทั้งยังระบุว่า รัฐบาลมีมติเห็นชอบในแผนงานสี่ระยะเพื่อเดินหน้าเปิดประเทศหลังจากที่หลายรัฐตกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์จากการระบาดครั้งล่าสุด ทั้งนี้ แผนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับระดับความสำเร็จของการฉีดวัคซีนเพื่อตั้งเป้ายับยั้งการระบาดของโรคโควิด-19 ให้อยู่ในระดับเดียวกับโรคติดเชื้ออื่น ๆ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ ทั้งนี้ เป้าหมายของแผนงานสี่ระยะคือการมอบอิสระให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบถ้วน เช่น การลดเวลากักตัวที่สั้นลงในผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
ในขณะเดียวกัน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก รายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 31 คน ทำสถิติสูงสุดจากการระบาดครั้งล่าสุดและของปีนี้ โดยมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมจากการระบาดในครั้งนี้กว่า 200 คนนับตั้งแต่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกเมื่อกว่าสองสัปดาห์ก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐควีนส์แลนด์ ซึ่งมีนครบริสเบนเป็นเมืองเอก เผยว่า ทางการจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่บางส่วนของรัฐควีนส์แลนด์ตั้งแต่วันนี้ แต่จะขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในนครบริสเบนและภูมิภาคใกล้เคียงออกไปอีก 1 วันหลังพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 3 คน ส่วนนครดาร์วินในดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีจะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในวันนี้เช่นกัน ด้านนครเพิร์ทในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียจะพิจารณาเกี่ยวกับข้อจำกัดต่าง ๆ ภายในวันนี้ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 30,600 คน และผู้เสียชีวิต 910 คน.-สำนักข่าวไทย