เอกชนจับตาเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐ ชี้ชะตาเศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลก

นครราชสีมา 2 พ.ย.-เอกชนจับตาเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ไม่ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดี ไทยก็ได้ประโยชน์จาก Trade war หากเป็น “แฮร์ริส” ทุกอย่างจะยังคงเดิม แต่หากเป็น “ทรัมป์” การกีดกันการค้าจะรุนแรงมากขึ้น แนะไทยต้องมีลอบบี้ยิสต์ ในการเจรจาและวางนโยบายที่ชัดเจน ขณะเดียวกัน ปัญหาสินค้าจีนทะลักกระทบผู้ประกอบการไทยจะรุนแรงขึ้น วอนรัฐบาลเร่งหามาตรการป้องกันแก้ไข

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เชื่อว่าทุกฝ่ายจับตาว่าใครจะได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจ และเป็นอันดับหนึ่งทุกด้านของโลก ระหว่างนายโดนัล ทรัมป์ และนางกัมลา แฮร์ริส ซึ่งนโยบายของทั้งสองคนมีความแตกต่าง และไม่ว่าใครจะได้รับคัดเลือกก็ต้องส่งผลไปทั่วโลกรวมถึงไทย ในช่วงที่โดนัล ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสมัยที่หนึ่ง ก็เกิดผลกระทบเมื่อเกิด Trade war โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ทำให้ต้องเกิดการปรับตัวขนาดใหญ่ เช่น ปี 2562 ไทยได้ดุลการค้าสหรัฐอันดับ 14 แต่ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งก็ดำเนินการเรื่อง Trade war จีนเช่นเดียวกันส่งผลให้ 9 เดือนของปี 2567 ประเทศไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 10% และเลื่อนขึ้นมาเป็นประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐอันดับที่ 12


ฉะนั้นหมายความว่าภายใต้ Trade war ของทั้งสองนโยบายของ 2 ผู้นำจากต่างพรรค ประเทศไทยยังได้ประโยชน์ทางด้านการค้า ทั้งสองนโยบายเหมือนกันคือเรื่อง Trade war และการมองจีนเป็นศัตรูหมายเลข1 ฉะนั้นมาตรการต่างๆก็จะเหมือนกันแต่มิติความรุนแรงจะแตกต่างกันโดยปัจจุบันทางด้านการค้าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ขึ้นภาษีรถยนต์อีวีเช่นรถยนต์อีวี ที่นำเข้าจากจีนจากเดิม 25% ขึ้นไปอีก 75% รวมเป็น 100% และจะมีการเรียกเก็บภาษีที่ผ่านมาในเดือนพฤษภาคม 18,000 ล้านเหรียญในอุตสาหกรรมนำเข้าจากจีนโดยเฉพาะพลังงานสะอาด แผงโซล่า แต่หากเป็นโดนัล ทรัมป์ จะมีความรุนแรงขึ้น คือจะมีการขึ้นภาษีจากทุกประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ อย่างน้อย 10 ถึง 20% แต่กับจีนจะให้เป็นพิเศษคือจะเพิ่ม 60 ถึง 100% จะเห็นว่านโยบายมีความรุนแรงขึ้นซึ่งหากเป็น โดนัล ทรัมป์ ก็จะบอกว่าMake America great again ซึ่ง จะมอง เรื่อง ดุลการค้าและความมั่นคงสูงเป็นพิเศษ

ส่วนนโยบายเรื่องการลงทุนหาก นางกมลา แฮร์ริสได้รับชัยชนะก็จะดำเนินนโยบายเช่นเดียวกับ โจ ไบเดน คือเพิ่มการเก็บภาษีจากปัจจุบัน 21% เป็น 28% แต่หากเป็นทรัมป์จะส่งเสริมการลงทุนในประเทศให้กลับมา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคทั้งหลายเพื่อการจ้างงาน สร้างจีดีพี โดยจะมีนโยบายลดภาษีนิติบุคคล 15% จาก


ส่วนเรื่องการกีดกันเทคโนโลยี ทรัมป์จะมีความรุนแรงกว่าโจ ไบเดน ซึ่งหาก แฮร์ริส มาก็คงดำเนินการเหมือนเดิมเช่นการออกกฏหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งก็คือการที่จะไม่ถ่ายทอดเทคโนโลยีชั้นสูงหรือขายเทคโนโลยีเหล่านี้ไปยังประเทศที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งหมายถึง จีน จะเห็นว่ามาตรการนี้เข้มข้น เพราะเกรงว่า จีนจะได้ชิปที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงหรือว่าขนาดเล็กตอนนี้ก็มีการกีดกันทุกอย่างกระทั่งการขอความร่วมมือจากประเทศเนเธอร์แลนด์ บริษัทASML ผู้ผลิตเครื่องผลิตชิปรายเดียวของโลก ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ก็คือประเทศจีน เพราะว่ากลัวว่าจีนจะไปผลิตชิปชั้นสูงแข่งกับอเมริกา ส่วนทรัมป์ ก็บอกว่า จะไม่ให้จีนลงทุนในเทคโนโลยี สาธารณูปโภค รวมถึงพลังงาน

ส่วนมิติปัญหาเรื่องผลกระทบของสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ทั้ง 2 พรรค มีความแตกต่างกัน โดย แฮร์ริสและไบเดนยังคงให้ความสำคัญในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดการใช้พลังงานฟอสซิล เพื่อลดโลกร้อน และสนับสนุนพลังงานสีเดียว แต่ทรัมป์ไม่สน มีหลายคนบอกว่า ทรัมป์ไม่สนใจเรื่อสนธิสัญญา Paris ที่ได้เซ็นต์กันไว้ตั้งแต่ปี 2015 แต่จะให้การสนับสนุนขุดเจาะน้ำมัน หาแหล่งน้ำมันจากฟอสซิล

เรื่องการต่างประเทศหากแฮร์ริส ได้เป็นประธานาธิบดีความตึงเครียดเรื่องสถานการณ์จีโอโพลิติกส์จะสูงและมีโอกาสที่จะเกิดสงครามได้ทุกเมื่อถ้ามีการกระทบกระทั่งกันหรือว่ามีน้ำผึ้งหยดเดียวที่ไม่ตั้งใจซึ่งจะนำไปสู่สงครามใหญ่หรือสงครามโลกได้ แต่กรณีทรัมป์ ประกาศชัดเจนเรื่องการต่างประเทศ เช้น นาโต้ ทรัมป์ ประกาศต่างคนต่างอยู่ และนาโต้อย่าหวังพึ่งสหรัฐ ทุกประเทศต้องเพิ่มงบการทหารอีก 3% ของงบป้องกันประเทศ ซึ่งตอนนี้กลุ่มประเทศนาโต้หรือกลุ่มอียูเศรษฐกิจไม่ดี เนื่องจากสงครามรัสเซียยูเครน เรื่องของไต้หวันเองทรัมป์ก็ประกาศว่าถ้าไต้หวันต้องการให้สหรัฐอเมริกาไปช่วยต้องจ่ายค่าคุ้มครองเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะทำให้อุณหภูมิของสมรภูมิต่างๆน่าจะลดลง ยกเว้นสมรภูมิเดียวคือตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ทรัมป์ก็ยังคงสนับสนุนอิสราเอลเต็มที่


ส่วนผลที่จะเกิดกับประเทศไทย ที่ผ่านมาเราได้ตัวเลขการค้าขายมากขึ้น สิ่งที่เหมือนกันระหว่างโจ ไบเดนและทรัมป์คือเรื่อง Trade war และจีโอโพลิติกส์ ทั้ง 2 พรรคมองจีนเป็นคู่แข่งและศรัตรูอันดับหนึ่ง ฉะนั้นการขึ้นกำแพงภาษี การย้ายฐานการผลิตส่งผลดี สินค้าจากจีนจะถูกตั้งกำแพงสูง สหรัฐซื้อสินค้าจากจีนน้อยลง จะซื้อสินค้าจากประเทศอื่นรวมถึงไทยแทน ดังจะเห็นว่า 9 เดือนของปี 2567 ยอดการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น ฉะนั้นถ้าหากว่าทรัมป์มาสถานการณ์ก็จะเป็นอย่างนั้นอยู่แต่อาจจะมีวิธีคิดแตกต่าง เมื่อครั้งที่ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 1 ได้ให้ความสำคัญกับประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐมาก ว่าทำไมถึงได้ดุลการค้า รวมถึงประเทศไทยซึ่งขณะนั้นเราอยู่อันดับที่ 14 ทรัมป์ได้ตั้งคำถามว่า ทำไมประเทศไทยได้ดุลการค้าเพราะเราบิดเบือนค่าเงินหรือไม่ หรือทำให้ค่าเงินอ่อนเกินไปหรือไม่ จึงได้มีมาตรการมาตรวจสอบ เพื่อลดความได้เปรียบ สิ่งเหล่านี้จะเกิดความเข้มข้นและจะเกิดการเจรจาจากพหุภาคีเดิมซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรรวมกันเป็นทวิภาคี เจรจาเป็นรายประเทศ ส่วนตัวคิดว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์ เพียงแต่หากทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี ประเทศไทยจะต้องมีลอบบี้ยิสต์ ในการเจราและวางนโยบายที่ชัดเจน เพราะว่าหากเป็นทรัมป์จะเป็นลักษณะหมูไปไก่มา แต่หากเป็นกมลา แฮริส มาก็จะยังดำเนินการเหมือนทุกวันนี้ที่เป็นอยู่ เพราะฉะนั้นเรายังมีโอกาสได้เปรียบทางด้านการค้าแต่ทางด้านการลงทุนอุตสาหกรรม ตอนนี้ในเรื่องจีโอโพลิสติกและมีผลกระทบโดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีส่งของอเมริกาที่จะสูงขึ้นแล้วรวมถึงของยุโรปที่จะตามมา วันนี้สินค้าจากจีนที่เคยผลิตและส่งไปขายทั้งในอเมริกาและยุโรปต้องเป็นหลักทะลักจากกลับมาในอาเซียนผลกระทบก็เห็นแล้วตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งปีที่แล้วตนเองได้เคยบอกว่าในกลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรวม 46 กลุ่มมี 22 กลุ่มได้รับผลกระทบในเชิงลบยอดขายตกมาก จากสินค้าของจีนเข้ามา ปี 2566 เป็นปีแรกในรอบ 16 ปี จีนไม่ได้เปรียบสหรัฐเป็นคู่ค้าอันดับ 1 เนื่องจากการขึ้นภาษีนำเข้าสกัดกั้นได้ผล จากที่จีนเคยส่งสินค้าไปยังอเมริกามูลค่า ห้าแสนกว่าล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2565 ลดลงไม่ถึง สี่แสนล้านเหนียญสหรัฐในปี 2565 ลดลงกว่า20% แต่ในขณะเดียวกันยอดเหล่านี้กลับมาโผล่ที่เอเชียตะวันออกเชียงใต้กลายเป็นว่าในปี 2566 คู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนคืออาเซียน นั่นหมายความว่าอาเซียนรวมถึงไทยรับสินค้าจากประเทศจีนไปเต็มๆ และเมื่อดูรายประเทศจะพบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ขาดดุลกับจีนมากที่สุดประเทศหนึ่งเราขาดดุลเพิ่มทุกปี เพียงเก้าเดือนของปี 2567 เรานำเข้าสินค้าจากจีนทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 20% อุตสาหกรรมของเราก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องจีโอโพลิติกส์ที่มากขึ้น แต่อุตสาหกรรมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ FDI เพราะเป็นการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่จะเป็นยุคใหม่เรื่องของสินค้าที่เกี่ยวกับสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์เนี่ยก็จะเป็นอานิสงส์ที่ประเทศไทยได้รับมากขึ้น

สำหรับการลงทุนเก้าเดือนของปี 2567 บีโอไอประกาศว่า FDI หรือการลงทุนทางตรงจากหลายประเทศที่ย้ายฐานมาจากจีนประเทศไทยเราเติบโตขึ้นมีโครงการที่ขอรับการส่งเสริมลงทุนเกือบ 2000 โครงการรวมมูลค่า 722,000 กว่าล้านบาทมากที่สุดในรอบ 10 ปี นี่คืออานิสงส์ที่ได้รับ ฉะนั้นก็จะมีสินค้าที่ถูกดิสรับจากสินค้าจีนที่เข้ามาจำนวนมาก ล่าในปี 2567 มีอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอีก 3 อุตสาหกรรมรวมเป็น 25 อุตสาหกรรม หากรัฐบาลไม่มีมาตรการที่ดีพอ อุตสาหกรรมของเราอาจจะได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้นเป็น 30-35 อุตสาหกรรม

ดังนั้น ส.อ.ท. จึงเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งหามาตรการป้องกันโดยด่วน ไม่เฉพาะสินค้าที่ถูกกฎหมาย เพราะยังมีสินค้าที่ไม่ถูกกฎหมายอีกมากมายในเมืองไทย ทำลาย SMEs ไทย ซึ่งต้องเร่งปกป้องสินค้าจากจีนไม่ให้เข้ามามากเกินไปและจะต้องรีบเร่งวางแผนหาตลาดสหรัฐเพิ่มมากขึ้น

“ในช่วงที่ผ่านมา ปัญหาสงครามการค้าที่เกิดขึ้นผู้ได้รับผลประโยชน์ก็คือเซาท์อีสเอเชีย แต่ประเทศที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือเวียดนาม ในปี 2021-2023 เวียดนามส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอีก 2.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่นำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 1.6แสนล้านเหรียญสหรัฐเมื่อหักลบกบนี่แล้วพบว่าการส่งออกเป็นบวกถึงเกือบ 1 แสนล้านเหรียญล้านสหรัฐ แต่ของไทยเราส่งไปอเมริกาเพิ่มขึ้นได้ แต่นำเข้าเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เมื่อหักลบแล้วพบว่าขาดดุล 2 หมื่นล้ายเหรียญสหรัฐ นั่นหมายความว่าประเทศไทยยังไม่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งนี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” นายเกรียงไกร กล่าว.-517.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

ไทยเปิดด่านกรณีพิเศษ ช่วยนายพลกัมพูชาป่วยฉุกเฉิน

สระแก้ว 6 ก.ค.- เพื่อมนุษยธรรม! ไทยเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ ช่วยเหลือนายทหารระดับสูงกัมพูชา ป่วยฉุกเฉิน ส่งรักษาโรงพยาบาล อ.อรัญประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงตึงเครียดและมีการปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้เกิดภาพความประทับใจ เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทย ร่วมกันตัดสินใจเปิดด่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่นายทหารระดับสูงกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ไทยจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนลอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อทำการรักษาให้ทันท่วงที ปัจจุบันด่านคลองลึก ยังคงปิดทำการจากปัญหาชายแดนที่ยังไม่คลี่คลาย แต่การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า หลักมนุษยธรรมและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกันนั้นอยู่เหนือปัญหาความขัดแย้งใด ๆ ทั้งปวง และยังแสดงถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานของทั้งสองประเทศ -สำนักข่าวไทย