ซิดนีย์ 18 มิ.ย. – รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียประกาศบังคับประชาชนในนครซิดนีย์สวมหน้ากากอนามัยในระบบขนส่งสาธารณะอีกครั้ง ขณะที่พบการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาเพิ่มขึ้นเป็น 4 คนแล้ว
นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก กล่าวว่า ทางการไม่ได้ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ต้องการให้ทุกคนระมัดระวังตัวในระดับสูง โดยจะเริ่มใช้คำสั่งบังคับสวมหน้ากากอนามัยบนรถไฟ รถโดยสารประจำทาง และเรือข้ามฟาก ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นเป็นเวลา 5 วัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์เรียกร้องให้ประชาชนราว 5 ล้านคนในนครซิดนีย์สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ที่อยู่ภายในอาคารด้วย เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ตและโรงภาพยนตร์ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ยังคงอนุญาตให้จัดกิจกรรมกลางแจ้งที่มีมาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ตามกำหนดการที่วางไว้ในนครซิดนีย์ได้ดังเดิม
การระบาดเป็นกลุ่มก้อนครั้งล่าสุดในนครซิดนีย์ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายแรกเป็นพนักงานขับรถรับส่งลูกเรือสายการบินระหว่างประเทศเป็นครั้งคราว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายล่าสุดอาจได้รับเชื้อโควิดผ่านการสัมผัสเพียงเล็กน้อยกับผู้ป่วยติดเชื้อคนหนึ่งที่ห้างสรรพสินค้าในนครซิดนีย์ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 30,300 คน และผู้เสียชีวิต 910 คน นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองโดสให้แก่ประชาชนได้เพียงร้อยละ 4 จากประชากรผู้ใหญ่ทั้งหมดราว 20 ล้านคน และมีร้อยละ 25 ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรกแล้ว.-สำนักข่าวไทย