กทม.16 มิ.ย. -“พลพีร์” ตำหนิกทม.ด้อยประสิทธิภาพ ฉีดวัคซีนไร้แผน ทั้งที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวนมาก เปรียบเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ คุมโรคไม่ได้ ยอดเสียชีวิตพุ่งไม่หยุด
นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองของนายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาการจัดการวัคซีนโควิด 19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่าชัดเจนมากที่กทม.ไม่ได้ให้ความสำคัญกับผู้ที่ลงทะเบียนหมอพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัย และมีโรคประจำตัวจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม การทอดทิ้งคนกลุ่มนี้ผิดหลักทางการแพทย์แน่นอน เพราะในทางการสาธารณสุขต้องฉีดเพื่อควบคุมโรค และปกป้องกลุ่มเสี่ยง 2 อย่างนี้ต้องมาคู่กัน ดังนั้นจึงต้องฉีดให้ผู้สูงวัยและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงก่อน เพื่อลดอัตราการสูญเสีย แต่ กทม.หลงลืมไป เพราะหมอพร้อมเกิดขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานครจึงไม่สนใจ
นายพลพีร์ กล่าวว่าถ้ามาอ้างว่าวัคซีนไม่พอยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะ กทม.ขอวัคซีนมาประมาณ 1 ล้านโดส และได้รับการจัดสรรอย่างเหลือเฟือ ได้วัคซีนมามากกว่า 500,000 โดส ขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษาฯและบางซื่อได้แล้ว 400,000 โดส ส่วนกลุ่มแรงงาน ม.33 ได้ไป 300,000 โดส ยอดนี้ยังไม่รวมวัคซีนที่จะได้อีกภายในเดือนมิถุนายนนี้อีกหลายแสนโดส ดังนั้นวัคซีนที่กทม.ได้รับไปจำนวนมาก มาจากการเสียสละจากต่างจังหวัด เพราะล้วนเห็นว่ากทม.ระบาดหนัก อยากเข้ามาช่วยแก้ไขโดยที่ต่างจังหวัดไม่บ่นสักคำและยังเสียสละต่อไป
“กทม.บริหารวัคซีนที่ได้รับไป เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จัดสรรให้มากขนาดไหน ก็ยังมีปัญหาคุมโรคไม่ได้ ยอดเสียชีวิตพุ่งไม่หยุด บางพื้นไม่มีวัคซีน เป็นปมที่แก้ไม่ได้ เป็นช่องให้คนมาถล่มรัฐบาล มีการโทษกระทรวงสาธารณสุขว่าไม่ส่งให้วัคซีนให้ กทม. แต่ไม่กี่วันต่อมา ก็เปิดตัวเลขว่าฉีดไปแล้วใกล้แตะ 2 ล้านโดส แสดงว่าได้รับวัคซีนมาตลอด”นายพลพีร์ กล่าว
นายพลพีร์ กล่าวด้วยว่าทำไมกทม. ไม่ล็อกเป้าฉีดให้ชัดว่าควรจะฉีดกลุ่มไหนก่อน ตามหลักการแพทย์ ควรไปฉีดให้กลุ่มเสี่ยงเสียชีวิต และฉีดให้กลุ่มที่มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่า แต่กลับฉีดมั่ว ทำงานไม่มีหลักยึด แล้วผลที่ได้รับคือทุกวันนี้คนติดเชื้อทุกวัน ที่เลวร้ายกว่าคือมียอดผู้เสียชีวิตในกรุงเทพรายงานเข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าคน กทม.ได้รับวัคซีนตามแผนของกระทรวงสาธารณสุขยอดผู้เสียชีวิตจะไม่มากขนาดนี้ นอกจากแผนการฉีดวัคซีนจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมโรคก็ด้อยประสิทธิภาพ.- สำนักข่าวไทย