ชลบุรี 22 พ.ย. – สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ เตรียมเสนอ “สมุดปกขาว“ เสนอแนวทางการแก้ปัญหา-ฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 3% ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แจกเงินหมื่นสูงอายุ-พักดอกเบี้ย-แจกเกษตกรไร่ละพัน หนุนจีดีพีปีหน้า 0.9-1.0% แต่หวั่นนโยบายทรัมป์ ฉุดจีดีพีโตต่ำกว่า 3%
เริ่มแล้ว งานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ซึ่งเป็นเวทีระดมความเห็นด้านเศรษฐกิจของภาคเอกชน ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “CONNECT FOR GROWTH: INNOVATING FOR OUR SUSTAINABLE FUTURE : สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 2567 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาตินงนุช พัทยา จังหวัดชลบุรี
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บรรยายพิเศษ “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค“ ว่า นโยบายทรัมป์ 2.0 ทำให้ทั่วโลกเกิดความกังวลโดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศจีนที่ 60% และจะเก็บเพิ่ม 10% จากทุกประเทศทั่วโลก จะส่งผลต่อซัพพลายเชนทั่วโลก นำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่ ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามจริง
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมองว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจโตเกิน 3% ในไตรมาสที่ 3 เป็นผลจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่ส่งผลดีต่อการลงทุน การก่อสร้าง และภาคค้าปลีกที่เริ่มโดดเด่น ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้ภาพรวมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี
สำหรับปี 2568 หลายหน่วยงานประเมินเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวเฉลี่ยในกรอบ 3% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ความต้องการของภาคเอกชนที่ขยายตัว การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว และการขยายตัวของการส่งออก ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการค้าโลก
ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ทั้งมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ผู้สูงอายุ ในช่วงตรุษจีน มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน พักดอกเบี้ย 3 ปี และมาตรการสนับสนุนเกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท จะทำให้มีเงินหมุนในระบบ 163,728 ล้านบาท ส่งผลต่อให้จีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.9 – 1.0%
อย่างไรก็ตาม หากนโยบาย ทรัมป์ 2.0 ดำเนินการจริงในปีหน้า จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 3% เนื่องจากจะเกิดเป็นสงครามการค้า และสงครามจริง มีผลต่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อต้นทุน นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง ที่พรรคแกนนำถูกรัฐบาลถูกยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากมีความผิดความจริง อาจถึงมีการประกาศยุบสภาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เพราะจะส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 อาจกลับไปซ้ำรอยกับรัฐบาลเศรษฐา ถือเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ย้ำว่าเวทีนี้เป็นเวทีสำคัญในการระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนจากทั่วทุกภูมิภาค เพื่อจัดทำข้อเสนอทางเศรษฐกิจ ของหอการค้าทั่วประเทศ เป็น “สมุดปกขาว“ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล โดยประเด็นข้อเสนอสำคัญๆ มี 3 ด้าน ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะ SMEs และการวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในระยะเร่งด่วน รวมทั้งข้อเสนอ 6 ประเด็นปลุกเศรษฐกิจไทยให้เติบโต เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า 2568 ให้โตไม่ต่ำกว่า 3-3.5% และหากสามารถผลักดันได้เต็มศักยภาพภายใต้ความร่วมมือทุกภาคส่วนในประเทศ และนานาชาติ เศรษฐกิจไทย มีโอกาสขยายตัวได้ถึง 5%
สำหรับงาน “สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42” จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความร่วมมือภาครัฐและเอกชน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อยกระดับธุรกิจของไทย”, ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “การสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของไทย”, ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) บรรยายพิเศษ เรื่อง “EEC UPDATE” ยังมีการสัมมนาหัวข้อเศรษฐกิจ “สร้างไทยให้เติบโต สู่อนาคตที่ยั่งยืน” โดยภาคเอกชน และในวันสุดท้ายของการสัมมนา (24 พ.ย.) จะเป็นการมอบ “สมุดปกขาว” ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเสนอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อรัฐบาล .-516 -สำนักข่าวไทย