Sagon Jidawan

สภาฯ ประจาน ปิดประกาศชื่อ ส.ส. ไม่แสดงตน ทำองค์ประชุมล่มให้ประชาชนตรวจสอบได้ตามระเบียบกำหนด “สมบูรณ์” ย้ำวาระประชุมสำคัญ

โฆษก ศบค.แจงประกาศ ฉ.26 เป็นกรอบแนวทางให้เจ้าหน้าที่รองรับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เข้มเอกสาร 5 อย่าง

‘พล.อ.ประวิตร’ ขอร้านอาหารอย่าอารยะขัดขืนเปิดนั่งกินในร้าน แจงรัฐบาลช่วยเยียวยาทั้งหมดแล้ว เข้มแรงงานเดินทางป้องกันโควิดแพร่ระบาด

ทำเนียบ 30 มิ.ย.-พล.อ.ประวิตร ชี้พปชร.กำลังฟอร์มทีมเศรษฐกิจกู้วิกฤติช่วยรัฐบาล แจงแทนพล.อ.อนุพงษ์ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไม่จำเป็นต้องช่วยดูแลสมาชิก พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีไม่ครบทุกกลุ่ม โดยยืนยันว่าการตั้งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐมีตัวแทนจากสมาชิกพรรคทุกกลุ่มและทุกภาคทั้งประเทศ โดยยุทธศาสตร์พรรคจะต้องเป็นหนึ่งเดียว เมื่อถามว่าการตั้งนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ควบตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค เป็นการปลอบใจที่ไม่ได้นั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่านายสันติเป็น ผอ.พรรคมาก่อนอยู่แล้ว ยืนยันว่าในพรรคไม่มีหลายกลุ่มตามที่ถูกมอง และการตั้งกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้ ตนได้เป็นผู้ดูแลด้วยตัวเอง ส่วนคนที่จะมาดูยุทธศาสตร์พรรคนั้น ได้วางนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค สำหรับกรณีที่นายนิติธร ล้ำเหลือ จะไปยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคพลังประชารัฐที่ตั้งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรคด้วยคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสม พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็ว่ากันไปตามนั้น ถ้าพรรคทำผิดก็ว่าไป ส่วนเสียงวิจารณ์พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่ดูแลสมาชิกพรรคนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า เพราะพลเอกอนุพงษ์ ไม่ใช่สมาชิกพรรค รวมถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐด้วย แล้วจะให้ทำอะไร ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สมาชิกเรียกร้องให้พลเอกอนุพงษ์ ขยับเข้ามาช่วยเหลือสมาชิกพรรคในท้องถิ่นหรือไม่ พลเอกประวิตร […]

กรุงเทพฯ 30 มิ.ย.-“วัฒนา” จี้รัฐบาลจัดหาวัคซีนมีคุณภาพและตรงความต้องการประชาชน หากเพิกเฉยอาจจะถูกดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายวัฒนา เมืองสุข ประธานคณะกรรมการกฎหมายและการเมืองพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวถึงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19ของรัฐบาลในขณะนี้ว่า ข้อเท็จจริงที่ต้องยอมรับกันในขณะนี้คือ ประชาชนจำนวนมากซึ่งรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์มีความไม่เชื่อมั่นในวัคซีนที่รัฐบาลจัดให้ว่า จะมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะป้องกันหรือรักษาชีวิตของตนจากโควิด-19 ได้ จึงเกิดการเรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนที่เชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากกว่ามาให้ประชาชน และรัฐธรรมนูญมาตรา 55 วรรคแรกเขียนว่า “รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง” ประกอบกับเงินที่ใช้ซื้อวัคซีนมาจากภาษีของประชาชน โดยรัฐมีหน้าที่จัดซื้อจัดหา ประชาชนในฐานะผู้จ่ายเงินจึงควรมีสิทธิที่จะเลือกสินค้าหรืออย่างน้อยก็ต้องพอใจในคุณภาพของสินค้าที่ตนเองเป็นผู้จ่ายเงิน ไม่ใช่ถูกยัดเยียดให้ยอมรับเหมือนเป็นการสงเคราะห์หรือเป็นการให้ทานแบบที่กำลังเกิดขึ้น “รัฐและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องพึงสำนึกว่าการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับประชาชนเป็น “หน้าที่” จึงต้องทำให้ดีและสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของเงินและอำนาจให้มากที่สุด หาไม่แล้วผู้ที่มีหน้าที่จัดหาวัคซีนอาจจะถูกดำเนินคดีในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ผลที่เป็นเช่นนี้เกิดการบริหารแบบอำนาจนิยมโดยมี “รัฐราชการ” เป็นกลไก เราจึงเห็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องสนใจประชาชน เพราะการเป็นนายกฯมิได้มาจากประชาชน แต่มาจากมือของ ส.ว. ที่รัฐธรรมนูญไปให้ นายกฯจึงกล้าพูดเล่นกรณีสั่งห้ามคนทานอาหารในร้านว่า “take me home country road” หรือ “นะจ๊ะ” ทั้งที่อยู่บนสถานการณ์ความเป็นความตายและความเดือดร้อนของประชาชน”นายวัฒนากล่าว นายวัฒนา กล่าวว่านโยบายสำคัญข้อหนึ่งของพรรคไทยสร้างไทยคือ “การขจัดรัฐราชการ” เพื่อสร้างรัฐประชาชนที่บริหารโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนและทำให้ประชาชนสามารถให้คุณให้โทษกับข้าราชการและนักการเมืองได้ เพราะรัฐราชการที่นอกจากจะเป็นภาระแก่งบประมาณ แต่ไม่เคยเห็นหัวประชาชนแล้ว ยังเป็นตัวฉุดรั้งความเจริญของประเทศอีกด้วย ฐานะทางการคลังของประเทศที่กำลังเข้าสู่ภาวะล้มละลายและสภาพเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังไม่มีจะกิน คือสัญญาณที่แสดงให้เห็นแล้วว่าประเทศนี้ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งวิธีบริหารและโครงสร้างทางเศรษฐกิจ.- สำนักข่าวไทย