กรมราชทัณฑ์1มิ.ย.–ราชทัณฑ์รายงานสถานการณ์โควิดในเรือนจำและ ทัณฑสถาน ไม่พบการแพร่ระบาดเพิ่ม 121 แห่ง ติดเชื้อใหม่ลดลง 31พ.ค.พบ77ราย รักษาหาย 692 ราย เสียชีวิต 2 ราย อยู่ในการดูแลของกรมฯ 14,967 ราย
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เวลา 18.00 น.มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 77 ราย รักษาหาย 692 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังที่ยังติดเชื้ออยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 14,967 ราย
โดยภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน มีเรือนจำและทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 121 แห่ง และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงค่อนข้างมากในวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากแนวทางการตรวจหาเชื้อซ้ำในกลุ่มผู้ต้องขังที่ยังไม่พบเชื้อในเรือนจำและทัณฑสถานที่พบการแพร่ระบาด ซึ่งดำเนินการตรวจตามรอบในทุกๆ 7 วัน จึงอาจจะพบยอดผู้ติดเชื้อที่แตกต่างมาก ทั้งนี้เป็นไปตามแนวทางการตรวจเชิงรุก ที่จะช่วยทำให้การคัดแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพื่อทำการรักษาได้รวดเร็วมากขึ้น
สำหรับผู้ต้องขังที่เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 1 ราย และอีก 1 ราย เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นผู้ป่วยในกลุ่มเปราะบาง คือมีโรคประจำตัวร่วมด้วย โดยหลังจากที่ตรวจพบการติดเชื้อ ได้ทำการให้ยาและรักษาตามกระบวนการ แต่อาการไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จึงดำเนินการส่งศพของผู้เสียชีวิตไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อรอญาติมารับศพ และนำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างปลอดภัย ตามวิธีจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง ที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ/ทัณฑสถาน ทั้งการปล่อยตัวแบบพ้นโทษ ปล่อยตัวชั่วคราว และการพักการลงโทษ ต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนปล่อยตัว โดยหากเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่เสี่ยง ที่ต้องกักตัวหลังปล่อยตัว ให้แจ้งชื่อและกำหนดการปล่อยตัวแก่สำนักงานสาธารณสุขก่อนปล่อยตัวไม่น้อยกว่า 5 วัน
ส่วนรายที่สงสัยว่าจะติดเชื้อให้ดำเนินการแยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการก่อนปล่อย 14 วัน หากพบว่ามีการติดเชื้อ หรือเป็นผู้ติดเชื้อที่กำลังรักษาตัวอยู่ จะมีแนวทางการดำเนินการ โดยจะประสานงานสำนักงานสาธารณสุขพื้นที่เพื่อดำเนินการรับตัวเข้ารับการรักษา รวมถึงแจ้งไปยังญาติให้ทราบถึงสถานที่ส่งตัวรักษา และติดตามอาการจนสิ้นสุดการรักษา ในกรณีที่ผู้พ้นโทษไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลภายนอกได้ ทางกรมราชทัณฑ์ จะนำตัวเข้ารับการรักษาภายในศูนย์พักพิงของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำพิเศษธนบุรี ในส่วนของผู้พ้นโทษรายใดที่ไม่ติดเชื้อหรือได้รับการรักษาจนหายแล้วที่ไม่สามารถกลับไปพักอาศัยในภูมิลำเนาเดิมได้ จะดำเนินการประสานให้เข้ารับการดูแลในบ้านกึ่งวิถีสังกัดกรมคุมประพฤติหรือบ้านพักชั่วคราว สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยผู้พ้นโทษจะได้รับการดูแลและติดตามหลังพ้นโทษ จากศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ (CARE Support) ทุกราย.-สำนักข่าวไทย