สธ.6 พ.ค.-อธิบดีกรมการแพทย์ แจงไม่จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์แบบเหวี่ยงแห ในคนป่วยสีเขียวไม่มีโรคร่วม ชี้เปล่าประโยชน์ แต่จะให้ยาเร็วขึ้นในคนป่วยสีเขียวอาการเล็กน้อย มีโรคร่วม และให้ยาสเตียรอยด์ในคนปอดอักเสบร่วมกับยา เพื่อลดการใส่ท่อช่วยหายใจ
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแนวทางการจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ว่า จากการหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ จากโรงเรียนแพทย์ สมาคมอุรเวชช์ฯ พร้อมเปรียบเทียบการป่วยติดเชื้อในทุกการระบาดทั้ง 3 ระลอก เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียว ไม่มีอาการ ไม่มีโรคร่วม แต่จะพิจารณาให้ยาในกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวที่มีอาการเล็กน้อย มีโรคร่วม และเป็นดุลยพินิจของแพทย์ เช่น ภาวะอ้วน
ทั้งนี้ เพื่อลดปัจจัยหรือแนวที่โรคจะพัฒนาและทวีความรุนแรงจนเสียชีวิต ขณะเดียวกัน มีการพิจารณาให้ยาสเตียรอยด์ในผู้ป่วยปอดอักเสบ เพื่อลดความรุนแรงของโรคในอนาคต และการใส่ท่อช่วยหายใจ
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เกณฑ์การให้ยาฟาวิพิราเวียร์จะเร็วขึ้น แต่ไม่ได้ให้เหมือนกันหมดทุกคน เพราะยามีผลข้างเคียงต่อตับ ทำให้เกิดตับอักเสบ และท้ายที่สุดยังอาจส่งผลให้เกิดการดื้อยา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายคนให้ความเป็นห่วง เพราะขณะนี้การพัฒนายารักษาโควิดยังไม่สำเร็จ จำเป็นต้องเก็บยาฟาวิพิราเวียร์ไว้เป็นอาวุธสำคัญในการรักษา ไม่จำเป็นต้องเหวี่ยงแหให้ยา
พร้อมเผยว่า ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 80-90 ที่อยู่ในเกณฑ์สีเขียว ไม่ได้มีการพัฒนาไปเป็นผู้ป่วยสีเหลือง ดังนั้น การให้ยาฟาวิพิราเวียร์ไปก็เปล่าประโยชน์ ส่วนการรักษาพยาบาลที่กำหนด 14 วัน ถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติ หากพื้นที่ไหนมีปัญหาการบริหารจัดการเตียงไม่ดี หรือเตียงเต็ม สามารถพิจารณาให้ผู้ป่วยที่รักษาพยาบาลไปแล้ว 10 วัน และในรอบ 24-48 ชั่วโมง ไม่มีอาการ สามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ แต่ต้องกักตัวที่บ้านเพิ่ม 4 วัน
สำหรับอัตราการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ ปัจจุบันนี้ 50,000 เม็ด/วัน ซึ่งในวันที่ 10 พ.ค.นี้ จะมียาฟาวิพิราเวียร์เข้าไทยอีก 3 ล้านเม็ด บวกของเดิมที่มี 2 ล้านเม็ด รวมเป็น 5 ล้านเม็ด เพียงพอใช้ได้นาน 3 เดือน.-สำนักข่าวไทย