14 เม.ย.-สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป หยุดใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ชั่วคราวแล้ว หลังหน่วยงานด้านสาธารณสุข เตือนเรื่องพบกรณีเกิดลิ่มเลือดหลังฉีด จนมีคนเกิดอาการ 6 คนในสหรัฐฯ ตายแล้ว 1
หลายประเทศรวมถึงสหรัฐฯ สหภาพยุโรปหรืออียู และแอฟริกาใต้ หยุดใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เป็นการชั่วคราวแล้ว หลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือซีดีซี กับสำนักงานจัดการอาหารและยา หรือเอฟดีเอ ของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันอังคาร แนะนำให้หยุดใช้วัคซีนดังกล่าว หลังพบผู้เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายากและรุนแรง 6 คนในกลุ่มผู้ได้รับวัคซีนชนิดนี้จำนวนกว่า 6.8 ล้านคนในสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นหญิงอายุระหว่าง 18-48 ปี เกิดอาการหลังจากได้รับวัคซีนแล้ว 6-13 วัน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 1 คนและอีกคนอาการอยู่ในขั้นวิกฤติ
หลังจากนี้ ซีดีซีจะจัดการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างภูมิคุ้มกัน หรือเอซีไอพีในวันพุธ เพื่อทบทวนกรณีเหล่านี้ และประเมินถึงความเป็นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนเอฟดีเอก็จะสืบสวนหาข้อเท็จจริงเช่นกัน ขอแนะนำให้หน่วยงานต่างๆ หยุดใช้วัคซีนชนิดนี้ก่อน จนกว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น ด้านบริษัท จอห์นสันแอนด์จอห์นสันออกแถลงการณ์ในวันเดียวกัน ระบุจะชะลอการกระจายวัคซีนในยุโรป และจะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชายทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างใกล้ชิด รวมถึงสนับสนุนอย่างยิ่งให้หารือแบบเปิดในเรื่องข้อมูลนี้ กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญและสาธารณชน
ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยืนยันว่า ยังคงมีวัคซีนต้านโควิดเพียงพอสำหรับชาวอเมริกันทุกคน แม้ระงับใช้วัคซีนของ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็ตาม อย่างไรก็ดี
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกังวลว่า การเกิดลิ่มเลือดอุดตันในผู้ได้รับวัคซีน จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ในสหรัฐฯ หลังจากที่พบปัญหาเดียวกันนี้ในผู้ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาในยุโรป จะยิ่งสั่นคลอนความเชื่อมั่นในวัคซีนต้านโควิด-19 ไปทั่วโลก.-สำนักข่าวไทย