กทม. 26 มี.ค.- สบส. แจ้งความเอาผิดโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หลังรับ “วาวา” พริ๊ตตี้สาวแต่ไม่ทำการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติทันที และปลอมเเปลงใบเสร็จค่าอาหารที่ไม่เกิดขึ้นจริง 400 บาท
นายชาตรี พินใน นิติกรชำนาญการพิเศษ กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข หรือ สบส. พร้อม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าเเจ้งความกับพนักงานสอบสวน เอาผิดโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กรณีที่นางสาววิชญาพร วิเศษสมบัติ หรือ วาวาพริตตี้สาวเข้ารับการรักษาด้วยอาการโคม่าที่โรงพยาบาลดังกล่าว เเต่ทางโรงพยาบาลไม่ทำการรักษาทันที ไม่ปฏิบัติตามมาตรการดูแลผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ UCEP โดย นำหลักฐานสำเนาเอกสารภาพถ่าย ใบเสร็จชำระเงินมาเป็นหลักฐาน
นายชาตรี เปิดเผย วันนี้นำเอกสารมาเเจ้งความเอาผิดโรงพยาบาล หลังวาวาเข้ารักษาด้วยอาการโคม่า ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เเต่ทางโรงพยาบาลกลับประวิงเวลา ไม่ทำการรักษาทันที โดยอ้างว่าต้องวางเงินมัดจำในการรักษาพยาบาลก่อนจำนวน 15,000 บาท ซึ่งขัดต่อสิทธิ ยูเซฟ (UCEP) หรือหลักการรักษาคนไข้ฉุกเฉิน ในวิกฤตเช่นนั้น ซึ่งผิดตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตร 36 ว่าด้วยสถานพยาบาลต้องควบคุมเเละดูเเลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาเเก่ผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในสภาพอันตรายเเละจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างฉุกเฉิน อัตรโทษจำคุก ไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ยังพบว่า ทางโรงพยาบาลมีการปลอมเเปลงเอกสาร ซึ่งเป็นใบเสร็จค่าอาหารที่ไม่เกิดขึ้นจริง จำนวน 400 บาทอีกด้วย ถือเป็นความผิด ตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตรา 73 ว่าด้วยสถานพยาบาลเเละบุคลากรจัดทำหรือยินยอมให้ผู้อื่นทำหลักฐานเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลเเละค่าบริการเอกสาร เเสดงการผลการตรวจโรค เเละผลการรักษา หรือเอกสารเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่เป็นเท็จ มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน2 ปี ปรับไม่เกิน40,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายอัจฉริยะ ระบุ ในวิกฤตเช่นนั้น เเพทย์ควรคำนึงถึงชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉินเพราะขณะนั้นวาวายังมีชีวิตเเละตอบสนองได้ คาดหากรักษาทันท่วงทีจะสามารถช่วยชีวิตวาวาได้ ส่วนกรณีทำใบเสร็จปลอม ทางโรงพยาบาลพยายามติดต่อพูดคุยขอเคลียร์เเละจะคืนเงินให้ เเต่ญาติวาวาไม่รับ ยืนยันจะเอาผิดซึ่งเรื่องนี้ได้ฟ้องศาลเเพ่งไปเเล้ว ส่วนคดีวาวาพริ๊ตตี้สาวเสียชีวิต ในวันจันทร์ที่ 29 มีนาคมนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 25 คน จะทยอยเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อหาความผิดตามพ.ร.กฉุกเฉิน ,พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ, และข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด. -สำนักข่าวไทย