ธนาคารทิสโก้เตือนอย่ารีบช้อนหุ้นเทคฯ คาดราคาจ่อร่วงต่ออีก 10%


กรุงเทพฯ 8 มี.ค. – ธนาคารทิสโก้เผยราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงตามคาด จาก 2 ปัจจัยเสี่ยงที่เคยแจ้งเตือนลูกค้าช่วงต้นเดือนก.พ. พร้อมเตือนอาจลงต่อได้อีก 10% ไม่ควรเข้าช้อนซื้อในช่วงนี้ แถมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จ่อพุ่งรับเศรษฐกิจเริ่มฟื้น



นายณัฐกฤติ เหล่าทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสที่ปรึกษาการลงทุนทิสโก้เวลธ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (Mr.Nattakrit Laotaweesap, Head Of Wealth Advisory of TISCO Bank Public Company Limited) เปิดเผยว่า หลังจากช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาธนาคารทิสโก้ได้เตือนลูกค้าให้ชะลอการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี เนื่องจากพบ 2 ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับลง คือ 1. มูลค่าหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก และ 2. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเพราะในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ราคาหุ้นเทคโนโลยีได้ปรับลงแรง โดย ณ วันที่ 3 มีนาคม 2564 ดัชนีหุ้น Nasdaq100 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลงประมาณ -8% จากจุดสูงสุด ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564


และหากนับตั้งแต่ต้นปี ถึงวันที่ 3 มีนาคม 2564 หุ้นกลุ่ม FAANG ซึ่งเป็นหุ้นเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาด (Market capitalization) ขนาดใหญ่อย่าง Facebook ราคาหุ้นปรับลดลง – 6.5%, Apple ราคาหุ้นลดลง -8%, Amazon ราคาหุ้นลดลง -7% รวมถึงหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาสูงในปีที่แล้วอย่าง Tesla ราคาหุ้นก็ปรับลดลงถึง -7%



สำหรับภาพรวมการลงทุนต่อจากนี้ แม้ว่า Bond yield สหรัฐฯ จะเริ่มลดลงมาอยู่ 1.46% ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่ก็ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสที่ 2 ซึ่งศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่า มีโอกาสที่ Bond yield สหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 20-30 Basis Points (BPS) กลับไปอยู่ที่ 1.6-1.8% จากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น ซึ่งประเด็นนี้จะกดดันราคาหุ้นเทคโนโลยีให้ผันผวนมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ เนื่องจากหุ้นเทคโนโลยีเป็นหุ้นเติบโต ทำให้มูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดจะโดนกระทบจากอัตราดอกเบี้ยมากที่สุด และมีโอกาสที่จะถูกนักลงทุนเทขายทำกำไรเปลี่ยนกลุ่มลงทุน ซึ่งธนาคารทิสโก้มองว่ามีโอกาสที่หุ้นเทคโนโลยีจะปรับตัวลงจากปัจจุบันอีกประมาณ 10% ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อตอนนี้


“หากพิจารณาอัตราส่วนยอดขายต่อราคาหุ้น (Price/Sale หรือ P/S) ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ใช้วัดมูลค่าของหุ้นว่าราคาปัจจุบันสูงกว่าปกติ (premium) หรือ ต่ำกว่าปกติ (discount) นั้น จะพบว่าอัตราส่วนยอดขายต่อราคาหุ้นล่วงหน้าของ ดัชนี Nasdaq100 และ S&P500 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 เท่า แต่ในปัจจุบัน ณ วันที่ 3 มีนาคม 2564 ถึงแม้ตลาดหุ้น Nasdaq100 ปรับตัวลงประมาณ -8% จากจุดสูงสุด อัตราส่วนดังกล่าวยังอยู่ในระดับ 1.73 เท่า ซึ่งอาจหมายความว่าดัชนี Nasdaq100 และ ดัชนี S&P500 ยังมีโอกาสปรับตัวลดลง (Downside risk) อีกประมาณ 10% จึงแนะนำให้นักลงทุนอย่างเพิ่งรีบช้อนซื้อหุ้นเทคโนโลยีในตอนนี้” นายณัฐกฤติกล่าว . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง