กรุงเทพฯ 8 ม.ค. – นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ชี้กลุ่มธุรกิจธนาคารลงทุนสูง อย่าดูเฉพาะตัวเลขกำไร แต่ต้องดู ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin หรือ NIM) เปรียบเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคด้วย
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ,CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ให้สัมภาษณ์ในรายการนาทีลงทุน ช่อง 9 MCOT HD กล่าวถึงกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียล เตือนว่าการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขึ้นดอกเบี้ยทั้งที่เงินเฟ้อติดลบติดต่อกันหลาย ๆ เดือนนั้น ไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้น้อย และ SME นั้น มองว่าหากดูตัวเลขรวมของหุ้นในกลุ่มธนาคาร ถือว่ามีกำไรค่อนข้างสูง เนื่องจากปีที่ผ่านมาเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ก็จะส่งผลดีกับกำไรของหุ้นในกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม ต้องให้ความเป็นธรรม จะมองเฉพาะตัวเลขว่าเป็นช่วงทำกำไรอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องดูส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หรือ Net Interest Margin (NIM) เปรียบเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาคด้วย เนื่องจากกลุ่มธนาคารมีการลงทุนสูงในการวางระบบ เช่น ระบบระบบไอที ระบบดูแลความปลอดภัยต่างๆ รวมถึงระบบอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมออนไลน์ และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น หรือ ROE (Return on Equity) ของหุ้นกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 6-8% ต่ำกว่า 10%
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้น อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนอาจกังวลว่านโยบายของภาครัฐจะเข้ามาควบคุม แต่หน่วยงานที่ดูแลกลุ่มธนาคาร คือ ธปท. ซึ่งมองว่า ธปท. มีโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ย แต่ยังไม่น่าจะภายในปีนี้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับภาวะเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจด้วย โดยประเมินทิศทางดอกเบี้ยในปีนี้ คาดว่า ธปท.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 2.5%
ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้อยู่ในช่วงการแกว่งพักฐาน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1410 – 1440 จุด นักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้น หลังจากดัชนี SET ปรับขึ้น 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งกว่าที่คาด การจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่ง ในเดือน ธ.ค.66 จากที่ตลาดคาดไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต้องทบทวนว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกปีนี้เมื่อไหร่ และลดลงมากน้อยเพียงใด จากที่ตลาดอาจคาดหวังไว้สูงถึง 70% ว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยช่วงเดือน มี.ค. ก็ลดลงเหลือ 60% หลังจากตัวเลขการจ้างงานออก และคาดว่านักลงทุนยังรอตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะประกาศในวันที่ 11 ม.ค.67 หากขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก็อาจทำให้ตลาดผันผวนได้ เนื่องจากตลาดคาดหวังไว้ค่อนข้างสูง นอกจกานี้ยังมีกรณีหุ้นกู้ของ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ที่มีกระแสข่าวว่าเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ทำให้คาดว่าจะกดดันบรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์นี้ด้วย.-516-สำนักข่าวไทย