พรรคประชาชน 1 ก.ย.- “ปชน.” ยังไม่เคาะโหวตเลือกใครเป็นนายกฯ พรุ่งนี้ประชุมต่อ “พริษฐ์” เผยสุดท้าย จบ กก.บห.เหตุต้องรับผิดชอบ ไม่ปล่อยโหวตในวง สส. ยันไม่ใช้อารมณ์มาตัดสิน แต่ไม่ลืมอดีตเพื่อไทยฉีก MOU – ภูมิใจไทย ซัด “พิธา”
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยภายหลังประชุมกรรมการบริหารพรรค และ สส. นับ 90 คน นานเกือบ 4 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมมีความเห็นที่หนักหลายหลายคนแสดงความคิดเห็น และมีความหนักใจในการเลือกทางใดทางหนึ่ง ที่ประชุมจึงได้ข้อสรุปว่าเจ้าของประชุมในวันพรุ่งนี้ต่อ เพื่อให้สส. ที่มาในวันนี้และแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม รวมทั้ง สส.ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมในวันนี้แสดงความคิดเห็นด้วย ก่อนจะนำความเห็นของสส.มาประกอบกับภาคส่วนอื่น ๆ ซึ่งในการพูดคุยมี 2 ประเด็นที่ชัดเจนคือ ยังยืนยันจุดยืนเดิมว่าสิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศ คือ การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ซึ่งพรรคประชาชนได้ออกมาเรียกร้องเรื่องยุบสภามาโดยตลอด ตั้งแต่มีคลิปเสียงหลุดออกมา เพียงแต่ผู้มีอำนาจไม่ตอบสนอง วันนี้ยังยืนยันว่าการยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่โดยรวมเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ประเทศ
หากรักษาการนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจยุบสภาจะยืนดำเนินการยุบสภาก็จะสอดคล้องกับจุดยืนของพรรค ซึ่งพรรคยินดีและพร้อมเลือกตั้ง แต่หากรักษาการนายกไม่ยุบสภาและมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งรวบรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็ต้องใช้กระบวนการพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อนำไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว ส่วนตัวเข้าใจดีว่าหลายคนหนักใจทั้งสส.และประชาชน หากยังไม่มีใครยุบสภาและต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่บางคนมองว่า จำเป็นหรือไม่หรือสามารถงดออกเสียง แต่ภาคประชาชนก็พยายามคิดอีกมุมหนึ่ง หากไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้นแล้วต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในเวลานี้ในเวลานี้ไม่มีกลุ่มใดได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง จึงต้องคิดต่อว่าหากอยู่เฉย ๆ และงดออกเสียงจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งมีข้อกังวล 2 เรื่อง คือ ปัจจุบันแดงและน้ำเงินไม่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินถึงหนึ่งแดงกับน้ำเงินจะไหลไปรวมกัน หากไปรวมกันก็จะกลายเป็น รัฐบาลเสียงข้างมากและมีแนวโน้มที่จะอยู่ครบวาระไปอีกเกือบสองปี ซึ่งต้องมองย้อนไปสองปีที่ผ่านมา ไม่มีนโยบายที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วงที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันเป็นรัฐบาล คดีหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองพรรคไม่ถูกตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง ดังนั้นสิ่งที่ต้องการคือ ไม่อยากให้แดงและน้ำเงินไปรวมกัน เพราะจะทำให้ประเทศเสียหาย ทั้งการเลือกตั้งที่ช้าออกไป นโยบายไม่มีประสิทธิภาพและกระบวนการยุติธรรมไม่ถูกดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา
รวมถึงหากแดงและน้ำเงินไม่ไหลไปรวมกัน ก็ยังมีความเสี่ยงว่าอาจนำไปสู่การมีนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีที่มาจากนอกระบบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ส่งผลดีกับการเมืองไทยอย่างแน่นอน และเข้าใจถึงความรู้สึกของหลายคน
นายพริษฐ์ ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับความชัดเจนจากสภา จะนัดประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันไหน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะพิจารณา พร้อมยังยอมด้วยว่าการประชุมสส.ในวันพรุ่งนี้ (2 ก.ย.) อาจจะยังไม่ได้ข้อสรุป มองว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดความคิดถึงหลากหลาย สอดคล้องกับที่สังคมแสดงความคิดเห็น ซึ่งประชาชนสามารถสะท้อนความคิดเห็นของสส.ได้ เพราะจะเป็นบุคคลที่นำความคิดเห็นนั้นมาสื่อสารภายในพรรค
นอกจากนี้ นายพริษฐ์ ยังยืนยันอีกว่า สส.ของพรรคประชาชนยังไม่มีใครออกจากกรุ๊ปไลน์ และในระหว่างนี้ ไม่ต้องไปคุยกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย เพราะถือว่าทั้งสองพรรคตอบรับเงื่อนไขของเราไปแล้ว พร้อมย้ำว่าจะไม่มีรัฐบาลไหนตั้งขึ้นได้จากเงื่อนไขของพรรคประชาชน และมีเสียงสส. 280 เสียง เพราะเรายืนยันว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคใด ดังนั้นตัวเลขสอสอของพรรคประชาชนจะไม่ถูกรวมในรัฐบาลใด ไม่ว่าใครที่อ้าง 280 เสียง ไม่ใช่ผลลัพธ์จากเงื่อนไขของพรรคประชาชนแน่นอน เพราะเงื่อนไขของเราชัดเจนว่าจะนำไปสู่รัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่มี สส.ต่ำกว่า 246 เสียง
ส่วนเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยที่บอกว่าจะยุบสภาได้เร็วกว่า 4 เดือนนั้น นายพริษฐ์ ย้ำว่าเงื่อนไขของพรรคประชาชนชัดเจน แต่หากผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยจะยุบสภาก็สามารถดำเนินการได้เลย และเราไม่ได้พิจารณาอะไรนอกเหนือจาก 3 เงื่อนไข ไม่เกี่ยวกับ MOU 2543 และ 2544
นายพริษฐ์ ย้ำอีกว่า กรรมการบริหารพรรคจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงไม่มีการโหวตในที่ประชุมสส.
ส่วนการสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยยุบสภายังยืนยันเช่นนั้นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า ข้อเสนอยุบสภาไม่ใช่ข้อเสนอใหม่
แต่พูดมา 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่เกิดก่อนเกิดเหตุการณ์คลิปเสียงหลุด แต่ถูกตั้งคำถามว่าข้อเสนอนี้เป็นเพราะคะแนนนิยมของพรรคกำลังดี ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ แต่มองถึงสถานการณ์ข้างหน้าว่าท้ายที่สุดแล้วการมีรัฐบาลที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนจะต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และมีความชอบธรรมทางการเมือง แต่ขณะนี้รัฐบาลไม่มีคุณสมบัติ
ขณะที่ ระหว่าง 2 เดือน กับ 4 เดือน แนวโน้มจะเลือกพรรคเพื่อไทยหรือ นายพริษฐ์ ระบุว่า หากไม่ยุบสภาทันที ก็จะนำไปสู่เงื่อนไข 3 ข้อของพรรคประชาชน และไม่เคยเอาเรื่องยุบสภามาเป็นเงื่อนไข วันนี้ถ้ารักษาการนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาก็ยุบได้ ซึ่งความจิงใจของทั้งสองพรรคก็เป็นสิ่งที่สส. และ ประชาชนใช้ประเมิน พร้อมมองไปถึงการมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญา
โดยมี 2 ปัจจัย 1 ออกแบบกลไกให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญา การทำให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยในฐานะแกนนำฝ่ายค้านสามารถใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจล้มรัฐบาลที่เบี้ยว 2.ประเมินเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่ไว้ใจทั้งคู่ แต่ว่าก็ต้องประเมินความเสี่ยง ว่าจากสาระและท่าทีที่ได้เห็นที่วัดด้วยหลักฐานอันไหนมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ยืนยันตัดสินใจด้วยเหตุและผลไม่ได้เอาความแค้นเอาเอาอารมณ์ตัดสิน แน่นอนบางคนอาจจะรู้สึกเกี่ยวกับกรณีกรณีที่พรรคเพื่อไทยฉีก MOU ไปตั้งรัฐบาลและหลายคนอาจจะรู้สึกตอนที่พรรคภูมิใจไทยอภิปราย เกี่ยวกับพรรคเราตอนโหวตคุณพิธาเป็นนายก เราไม่ได้เอาความรู้สึกเป็นตัวตั้ง เราพยายามใช้เหตุและผลได้ มากที่สุดเพื่อทำให้ประเทศนี้มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและแก้ไขปัญหาได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่พรรคประชาชนถูกกระทำมาไม่เคยลืมอยู่แล้ว แต่ไม่ได้นำอารมณ์มาเป็นตัวตัดสิน มองว่าจะต้องมีการพูดคุยกันในพรรคให้ตกผลึก แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบข้อสรุปแทนพรรคได้ ขอสื่อสารกับประชาชนว่า พรรคประชาชนตระหนักดีว่า มาอยู่จุดนี้ได้เพราะประชาชน 14 ล้านคน ดังนั้นให้สัญญาว่าจะไม่นำความไว้วางใจตรงนั้นไปทำอะไรที่ขัดหลักการ หรือผิดคำพูด หรือไม่ได้ทำประโยชน์สูงสุดของประเทศ .-312 -สำนักข่าวไทย