ร้องดีเอสไอพิจารณาคืนทรัพย์ถูกอายัดในคดีโกงเงินแบงก์ทหารไทย

ดีเอสไอ 2 ก.ย. – ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นายกฤษฎา อินทามระ หรือทนายปราบโกง ได้พา น.ส.ทิพาวรรณ อายุ 61 ปี ผู้ต้องหาที่ 7 ในคดีพิเศษที่ 97/2559 กรณีนายสมศักดิ์ กับพวกรวม 12 คน ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและร่วมกันใช้เอกสารปลอม ร่วมกันฟอกเงินและซ่องโจร โดยมีมูลค่าเงินที่เกี่ยวข้องในคดีกว่า 2,500 ล้านบาท ยื่นร้องเรียนถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับผลการพิจารณาสั่งฟ้องคดี เนื่องจากเวลาล่วงเลยมากว่า 9 ปี แต่คดีกลับมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาระหว่างพนักงานอัยการและพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และทุกวันนี้คดียังอยู่ในชั้นดีเอสไอดังเดิม เรื่องยังไม่ขึ้นสู่ชั้นศาลเพื่อตัดสินให้ความเป็นธรรม ส่วนรายการทรัพย์สินจำนวนมากที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ อาทิ อาคารพาณิชย์ 5 คูหา และบ้านพักห้องแถว รวมมูลค่าประเมินทรัพย์สินหลายสิบล้านบาท ก็ถูกคำสั่งยึดอายัดไว้โดยอำนาจของพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ แต่กลับมีกลุ่มบุคคลนอกเข้าไปใช้ประโยชน์และเก็บค่าเช่า ทั้งที่เป็นทรัพย์ที่ถูกอายัดไว้แล้ว จึงมาขอความเป็นธรรม เพื่อให้คดีมีความโปร่งใส


ทนายกฤษฎา เผยว่า น.ส.ทิพาวรรณ เป็น 1 ใน 12 ผู้ต้องหาในคดีพิเศษที่ 97/2559 กรณี ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและร่วมกันใช้เอกสารปลอม ร่วมกันฟอกเงินและซ่องโจร โดยมีมูลค่าเงินที่เกี่ยวข้องในคดีกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นคดีที่มีข้อกล่าวหาร้ายแรงเป็นอย่างมาก และในจำนวนผู้ต้องหาเหล่านี้มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล แต่ในส่วนของ น.ส.ทิพาวรรณ ตามพยานหลักฐานแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงเงินของธนาคารทหารไทย ซึ่งเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีดังกล่าว เนื่องด้วย น.ส.ทิพาวรรณ มีส่วนเกี่ยวข้องเพียงเรื่องเส้นทางการเงินกับบุคคลในคดีเดียวกัน โดยเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจส่วนตัวเท่านั้น แต่ น.ส.ทิพาวรรณ ไม่เคยทำเรื่องขอกู้ยืมเงินโดยตรงกับธนาคารทหารไทยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่มีเอกสารสัญญาเงินกู้ใดทั้งสิ้น แต่ถูกเอาชื่อเข้าไปอยู่ในสำนวนเป็นผู้ต้องหา เพียงเพราะพนักงานสอบสวนเล็งเห็นเส้นทางการเงินที่เธอไปเกี่ยวข้องกับบุคคลในคดี และปักใจเชื่อว่าเธออยู่ในขบวนการฟอกเงินด้วย เพราะมันเป็นเหมือนว่าเอาเงินจากธนาคารมาแล้วไม่ได้มีการประกอบธุรกิจจริง มีการเอาเงินไปหมุนเวียนระหว่างกัน ธนาคารจึงจับได้ว่าเป็นการหลอกเอาเงินจากธนาคารไป ตนหวังว่าคดีดังกล่าวนี้ เนิ่นนานมาตั้งแต่การรับเป็นคดีพิเศษในปี 2559 จวบจนถึงปัจจุบัน แม้มีการนัดหมายให้ไปรับทราบคำสั่งคดีกับพนักงานสอบสวน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายนี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเข้าพบพนักงานสอบสวนตลอด แต่เมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ ทางพนักงานอัยการก็ได้มีการส่งกลับสำนวนให้พนักงานสอบสวน โดยแจ้งว่า พนักงานอัยการได้มีคำสั่งคืนสำนวนการสอบสวนให้ดีเอสไอไปดำเนินการตาม ป.วิ อาญา มาตรา 20 เนื่องจากมองว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำความผิดกับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่นอกราชอาณาจักรถือว่าคดีเป็นการกระทำความผิดที่มีโทษตามกฏหมายไทยได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร

สำหรับ คดีนี้เป็นคดีพิเศษในปี 2559 และดีเอสไอส่งฟ้องไปที่พนักงานอัยการในวันที่ 20 ก.ค.62 ซึ่งพนักงานอัยการได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาไปฟังคำสั่งคดีในวันที่ 20 ก.ย.62 จากนั้น อัยการส่งสำนวนพร้อมผู้ต้องหากลับที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะมองว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร


ด้าน น.ส.ทิพาวรรณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนยืนยันว่าไม่เคยทำธุรกรรมกู้เงินกับทางธนาคารทหารไทย แต่ดีเอสไอมองว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับนิติบุคคลที่เป็นผู้ต้องหาในคดี ที่มีการกู้เงินกับทางธนาคารโดยตรง และเมื่อตนเข้าพบพนักงานสอบสวน ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและให้การชี้แจงทุกอย่างแล้วว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทางพนักงานสอบสวนก็บอกเพียงให้ตนไปแก้ในชั้นศาลแทน ตนเป็นเพียงคนที่ประกอบธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านรังสิต เงินที่ไปเกี่ยวข้องก็คือการหยิบยืมมาหมุนเวียนในธุรกิจ จำนวนประมาณ 10 ล้านบาท ไม่ได้ไปร่วมโกงเงินธนาคารกับเขาด้วย ตนเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ผ่านเวลานานแบบนี้ก็เกิดความเครียดพอสมควร เพราะไม่สามารถทำมาหากินได้แล้ว ทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพาณิชย์ที่ตนมีก็ถูกอายัดไว้ ตนก็ไม่ใช่คนแข็งแรง เป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 มีรายได้เพียงเงินจากประกันสังคม เดือนละประมาณ 3,000 กว่าบาทเท่านั้น จึงอยากขอความเป็นธรรมจากดีเอสไอด้วย นอกจากนี้ ตนยังพบว่า อาคารพาณิชย์ของตนที่ถูกพนักงานสอบสวนยึดและอายัดไว้นั้น ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ถนนพระราม 3 กลับถูกกลุ่มบุคคลภายนอกเข้าไปใช้ประโยชน์ในอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ถูกอายัด ในลักษณะเป็นสมาคมกีฬาแข่งนกพิราบ และยังมีการปล่อยเช่าข้างล่าง ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทรัพย์สินนั้นเป็นชื่อของตนและกำลังถูกอายัดอยู่ เหตุใดจึงมีกลุ่มคนเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ รวมแล้วราคาประเมินทรัพย์สินที่ตนถูกอายัด และโดนธนาคารฟ้องล้มละลายมีมูลค่าประมาณ 178 ล้านบาท .-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้อ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

“ชัยเกษม” ยันพร้อมเป็นนายกฯ บอกโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- “ชัยเกษม” ยันพร้อมเป็นนายกฯ หัวเราะดัง อาจมีอัศวินขี่ม้าขาว ก่อนย้อนถามสื่อ “ผมมีม้ามาหรือเปล่า” ลั่น โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อเวลา 14.00 น. นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย โดยผู้สื่อข่าวพยายามขอสัมภาษณ์ แต่นายชัยเกษม ปฏิเสธพร้อมระบุว่า เดี๋ยวลงมาค่อยคุยกัน ส่วนที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว นั้น นายชัยเกษม หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะย้อนถามสื่อว่า “ผมมีม้ามาหรือเปล่า” ใครเป็นคนพูด และโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ส่วนที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางไปพบที่บ้านพัก นายชัยเกษม กล่าวว่า ก็เป็นการพูดคุยไม่มีอะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายชัยเกษม กล่าวว่า ก็พร้อมสิ ไม่พร้อมได้อย่างไร และการประชุมวันนี้ เป็นการพูดคุยกันทั่วไปไม่มีอะไร จากนั้นเจ้าหน้าที่ของพรรคได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนยังไม่ให้สัมภาษณ์จนกว่าการประชุมจะเสร็จสิ้น -สำนักข่าวไทย

ครม. มอบ 4 รองนายกฯ ทำหน้าที่แทนนายกฯ ไร้คุยปมยุบสภา

ทำเนียบ 2 ก.ย.- “ชูศักดิ์” เผยที่ประชุม ครม. มอบ 4 รองนายกฯ ทำหน้าที่แทนนายกฯ ตามลำดับ ยันไม่มีคุยเรื่องยุบสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี 4 ท่าน ดังนี้ 1.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 3.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 4.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม โดยทั้ง 4 ท่านจะเป็นรองนายกรัฐมนตรี และทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี โดยเรียงลำดับข้างต้น ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ รวมถึงมอบหมายรองนายกฯ เหล่านี้ทำหน้าที่เหมือนที่เคยปฏิบัติมา ทั้งนี้ ยืนยันว่าในที่ประชุม ครม.ในวันนี้ ไม่ได้มีวาระในเรื่องการยุบสภา เป็นการหารือในการประชุม ครม.ตามปกติ นอกจากนี้ […]

มทภ.2 ยัน “ทหาร” ไม่ปฏิวัติ ปล่อยกลไกการเมืองจัดการ

กทม. 2 ก.ย.-มทภ.2 ยัน “ทหาร” ไม่ปฏิวัติ ปล่อยกลไกการเมืองจัดการ เผย ผบ.ทบ. มองการเมืองมีแนวโน้มดี ไม่ยุ่ง เป็นทหารอาชีพ ให้เกียรติฝ่ายการเมือง มอง “แคนดิเดตนายกฯ” อยู่ในวงจำกัด ให้ใช้เวลาที่เหลือ 3-4 เดือน บางอย่างต้องช่วยกันก่อน เชื่อการเมืองมีคนดีอยู่แล้ว พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีการบรรยายนักศึกษาธรรมศาสตร์ ถึงการนำคนดีมาบริหารประเทศ แต่ในสถานการณ์ที่อยู่ระหว่างเลือกนายกฯ ตั้งรัฐบาล และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เราควรมีผู้นำที่เข้าใจสถานการณ์ในแนวทางใด ว่า ทฤษฎีที่ผมพูดไปคือทฤษฎีที่อยากให้เป็น แต่ความจริงของประเทศไทย ก็ต้องว่าไปตามระบบของประเทศไทยในห้วงเวลานี้ ทหารไม่มีการปฏิวัติอยู่แล้ว ปล่อยให้เป็นไปตามกลไก เราต้องช่วยกันคัดกรองดูว่าอะไรถูกไม่ถูก เราจะเสนอนแอย่างไร อันนี้คือสิ่งที่ผมได้คุยกับน้องๆ เราอยากให้เป็นในอนาคต ส่วนทฤษีและความจริงจะได้ขนาดไหน พวกเราคนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกัน เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นเพื่อน ตท.26 กับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้ฝากและมองสถาการณ์อย่างไรบ้าง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ท่านก็มองว่าน่าจะมีแนวโน้มไปทิศทางที่ดี กองทัพบกก็พร้อมทำหน้าที่ตัวเอง ไม่ยุ่งกับกระแสการเมืองอยู่แล้ว […]