ป.ป.ช. 2 ก.ย.- คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เรียกร้อง ป.ป.ช. ทำตามอำนาจหน้าที่ เร่งส่งคดี ม.144 ให้ศาล รธน.
คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เดินทางมายังสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อติดตามเรื่องร้องเรียนที่เคยได้ยื่นไปก่อนหน้านี้ กรณียื่นให้ตรวจสอบการกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ และคณะยื่นให้ตรวจสอบการกระทำของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 สส.และ สว.เนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯปรับลดงบประมาณสำหรับการชำระหนี้ เพื่อชดเชยต้นทุนเงินจากการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ชดเชยภาระดอกเบี้ยหรือชดเชยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งเป็นหนี้ตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่กำหนดให้รับต้องจัดงบฯ ชดใช้คืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
และเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องจริยธรรมบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในกรณีเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ทางกลุ่มยังเห็นว่าหาก ป.ป.ช. ไม่ดำเนินการก็จะฟ้องมาตรา 157 เรื่องการละเว้นหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้นายชาญชัย และแกนนำประมาณ 10 คน ได้เข้าพบกับนายภูเทพ ทวีโชติธนากุล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
นายชาญชัย ระบุว่าหลักฐานครบถ้วนแล้ว ขอให้ ป.ป.ช. พิจารณาลงความเห็นโดยไม่ต้องวินิจฉัย ว่าใครทำถูกผิด ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัย ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองมีความซับซ้อน หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งจากกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขณะนี้กำลังเร่งพูดคุยเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองมุ่งหวังเพื่อประโยชน์ของตัวเองไม่ใช่เพื่อประชาชน ตนจึงทำหนังสือให้ ป.ป.ช.ขอให้ทำตามอำนาจหน้าที่ ระงับยับยั้งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ถ้าวันนี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าศาลจะตัดสินภายใน 15 วัน ก็จะทำให้ สส. ไปทั้งสภา เนื่องจากกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 เมื่อไม่มี สส. ก็จะตั้งปลัดกระทรวงขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการแทนรัฐมนตรีเท่าที่จำเป็น ให้เลือกกันเองขึ้นมาปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แล้วจัดเลือกตั้งใหม่
นายชาญชัย ย้ำว่าตามมาตรา 18 เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.ที่จะต้องดำเนินการโดยพลัน ขณะเลยเวลาแล้ว จึงถามกลับว่าเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะไม่ได้ทำตามที่กฎหมายกำหนด ยืนยันว่าที่มาวันนี้ไม่ต้องการช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต้องการสร้างระบอบการเมืองใหม่ที่มีคุณธรรม อีกทั้งไม่ได้มากดดัน ป.ป.ช. แต่มาเตือนให้ทำตามอำนาจหน้าที่ หากไม่ทำ ภายในสัปดาห์หน้า ตนเตรียมจะเปิดเผยหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดทั้งหมด เชื่อว่าจะมีงานให้ ป.ป.ช. ทำอย่างต่อเนื่อง หากไม่ทำประชาชนจะลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ประเทศต่อไป
ภายหลังการหารือกับรองเลขาธิการประมาณ 1 ชั่วโมง นายชาญชัย ได้ออกมาแถลงกับมวลชนว่า ว่า ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ขอเวลาภายในสิ้นเดือนนี้จะแจ้งความคืบหน้าให้กับทางคณะได้ทราบ แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังจะทำหน้าที่เป็นกำแพงเหล็กให้กับประเทศต่อไป
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. ระบุว่า ได้หารือพูดคุยกับรองเลขา ป.ป.ช. เรื่องการกระทำความผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ป.ป.ช.ระบุว่าได้สอบสวนเป็นทางลับมาก เพราะเป็นความสำคัญระหว่างประเทศ เป็นทิศทางของประเทศ ดังนั้นจึงมีความคืบหน้าไปในทางลับมาก ซึ่งจะแจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ทราบโดยพลันภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ รวมแล้วระยะเวลา 5 เดือน ส่วนกรณีชั้น 14 หลังจากได้ติดตามความคืบหน้าหลายครั้ง จนศาลฎีกาได้นำเรื่องนี้มาพิจารณา ซึ่งทราบว่า ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนที่สืบเสาะมาไปให้ศาลฎีกาดำเนินการเช่นเดียวกัน โดยหลังจากที่ศาลฎีกามีคำตัดสินในวันที่ 9 กันยายนนี้ ป.ป.ช.จะรับลูกศาลฎีกา พิจารณามาลงโทษข้าราชการที่เกี่ยวข้องทันที ซึ่งทางกลุ่มก็จะติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงกรณีจะสามารถเอาผิด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นได้หรือไม่
ด้านนาย จตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ที่พวกเรามาวันนี้ต้องการมาเรียกร้องให้ปปช.ทำหน้าที่ เพราะตามกฎหมายกำหนดให้ปปช. ต้องพิจารณาวินิจฉัยโดยพลันแต่ขณะนี้ผ่านมา 3 เดือนกับ 7 วันแล้วนับแต่ยื่นคำร้องป.ป.ช.ยังไม่ได้มีการส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญถ้าปปช.ยังช้าอยู่ก็จะเป็นการลากประเทศเข้าสู่ทางตันอีกรอบ
“ข่าววันนี้คือ ครม. รักษาการกำลังหารือเรื่องยุบสภา โดยขู่พรรคประชาชนว่าถ้าหากไม่ร่วมกับทางฝ่ายตนก็จะยุบสภาประชาชนอย่าไปกลัว เพราะเรื่องอำนาจยุบสภาวันนี้ยังไม่ชัดเจนถ้านายภูมิธรรม กราบบังคมทูลให้ทรงยุบสภาก็จะมีคนไปร้องศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราวจากนั้นเขาก็จะร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญและถ้าเห็นว่าไม่มีอำนาจยุบสภานายภูมิธรรมก็จะรู้ว่ามันงามไส้ขนาดไหน เวลานี้ที่มีการเจรจากันอยู่ต่างก็เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับชาติบ้านเมืองเลยพวกเราบอกว่าแล้วว่า นายกคนใหม่เอาใครก็ได้ที่อยู่ในบัญชีแคนดิเดตนายกแต่ไม่ใช่แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยดังนั้นใครจะมาใส่ร้ายว่าเราสร้างทางตันไม่ได้”
นายจตุพร ยังระบุด้วยว่าในส่วนของสำนวนคดีงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับคดีงบประมาณเหลืออยู่ 2 สำนวนคือสำนวนที่มีการกล่าวหานายประเสริฐจันทะรวงทองและส.สพรรคเพื่อไทยรวม 50 คน ในการใช้งบประมาณภัยแล้งลักษณะเดียวกับกรณีนายพิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน และคดีที่นายชาญชัยและพวก ยื่นร้องคณะรัฐมนตรี สส. สว. กรรมาธิการฯ ซึ่งเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินของธกส.ทั้งเงินต้นที่มาจากการกู้ ดอกเบี้ยและเงินที่กฎหมายกำหนดห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท แต่เรื่องถูกดองเน่าอยู่ที่ป.ป.ช.นี้ ทั้งนี้นายชาญชัยได้มีการส่งพยานหลักฐานเอกสารต่างๆสนับสนุนคำร้องให้กับป.ป.ช.ชนิดที่ไม่มีอะไรที่ป.ป.ช.ต้องการแล้ว นายชาญชัยจัดให้ไม่ได้ ดังนั้นป.ป.ชจะอ้างว่ายังขาดพยานหลักฐานไม่ได้ มองว่าที่ขาดมีเพียงอย่างเดียวคือความรับผิดชอบและถ้ายังขาดความรับผิดชอบ ตนขอกล่าวหาว่าปปชขาดความเป็นมนุษย์ที่มีความรักชาติบ้านเมือง
“กฎหมายไม่ได้ให้ป.ป.ช.ตัดสินวินิจฉัย เพียงแค่เห็นว่ามีมูลก็ให้ส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ หน้าที่ตัดสินวินิจฉัยเป็นของศาลรัฐธรรมนูญ เรามาวันนี้จึงไม่ได้มาขอให้ป.ป.ช.ทำผิดกฎหมายแต่มาขอให้ทำหน้าที่ตามกฎหมายถ้าทำหน้าที่ตามกฎหมายไม่ได้ประเทศนี้ก็อย่ามีป.ป.ช.อีกเลยเพราะมีค่าเท่ากัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าป.ป.ชจัดการไปก่อนหน้านี้ ปัญหาบ้านเมืองณ.ขณะนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
นายจตุพร ยังมองว่า สถานการณ์ขณะนี้เหมือนแต่ละฝ่ายกำลังนำประเทศมาละเลงเล่น เพราะข้อเสนอยุบสภาใน 4 เดือนมันขยายได้และจะกลายเป็น 9 เดือนเหมือนที่มีการพูดกัน ซึ่งความจริงเรื่องที่มันใหญ่และเราต้องการก็คือการจบศึกกับกัมพูชาถ้ามันเจรจาไม่ได้ก็ลบกันอีกถ้าจะเจรจาก็ต้องเอาคนที่ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเข้ามาเป็นผู้ปกครองประเทศแต่ถ้าได้คนที่อยู่ภายใต้อาณัติของคลิป ภายใต้อำนาจของผลประโยชน์เราก็จะไม่มีวันจบเรื่องกัมพูชาได้ท้ายสุดก็จะพอกปัญหาเหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เวลานี้ 21 ปีแล้วปัญหายังไม่จบ ดังนั้นปปช.หยุดความเสียหายของประเทศชาติได้ และนี่จะถือว่าเป็นการสื่อความต่อ ป.ป.ช. ครั้งสุดท้ายเพราะถ้ายังคงล่าช้าอยู่ก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดีฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่กับ ป.ป.ช.-314.-สำนักข่าวไทย