รัฐสภา 15 ก.ย.-กมธ.ติดตามงบฯ วุฒิสภา เล็งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจงอำนาจตำรวจไซเบอร์อายัดบัญชีสงสัยได้ทันที ชี้ส่อขัด รธน.-คำสั่งการปกครอง ขู่ยื่น ป.ป.ช.ด้วย
นายอลงกต วรกี ประธานกรรมาธิการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา กล่าวถึงกฎหมายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2568 โดยให้สิทธิ์ ศปอท. อายัดบัญชีที่ต้องสงสัยได้ทันว่าการอายัดบัญชีโดยตํารวจไซเบอร์ 3วันนั้น อยากถามว่าอํานาจในการอายัดขัดต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ และปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองหรือไม่
เพราะอํานาจของเจ้าหน้าที่รัฐในการสั่งการหรือมีคําสั่งทางปกครองให้อายัด ตามกฎหมายกําหนดไว้ว่า การจะมีคําสั่งการปกครองใด ๆ ต้องแจ้งให้ประชาชนผู้รับผลคําสั่งปกครองนั้นทราบว่าจะอายัดบัญชี ดังนั้นก่อนที่จะอายัดตํารวจพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง จะต้องเรียกเจ้าของบัญชีมาชี้แจงก่อน ว่าเงินได้มาอย่างไร ได้มาโดยสุจริตหรือไม่ หากตอบไม่ได้หรือไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินนั้นได้อย่างชัดเจน จึงควรจะมีอํานาจในการอายัดบัญชีแต่ไม่ใช่อายัดก่อนแล้วมาสอบสวน ดังนั้นการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญและขัดต่อวิธีการปฏิบัติของหน่วยงานปกครองนั้น ๆ ดังนั้นวันนี้จะหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯเพื่อเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาทิ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ตํารวจไซเบอร์ และธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างไปแล้ว ยกกรณีที่จังหวัดนครพนม คณะกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตไปยังผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดี กับข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ประชาชนเกิดความเสียหายทางการเงิน ทั้งนี้ประชาชนสามารถลงชื่อในฐานะผู้เสียหายพร้อมวงเงิน คณะกรรมาธิการฯ พร้อมเป็นปากเสียงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ ส่วนจะมีการชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่เป็นเรื่องทางแพ่งและทางอาญา ซึ่งเป็นเรื่องของผู้เสียหายโดยตรงที่จะต้องดำเนินการฟ้องร้อง เนื่องจากเป็นความบกพร่องและการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่ ซึ่งสามารถร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.ได้
อย่างไรก็ตามการอายัดบัญชีธนาคารเป็นการออกคำสั่งทางปกครอง ซึ่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครองกำหนดไว้ว่า เมื่อมีการออกคำสั่งต้องถามผู้รับคำสั่งก่อนว่ายินยอมรับคำสั่งนี้หรือไม่ จะออกกฎหมายลิดรอนใครก็แล้วแต่จะต้องถามผู้รับคำสั่งก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบจำเป็นต้องมีผู้ไปฟ้องร้องหรือไม่ หรือเจ้าตัวจะต้องไปร้องเอง นายอลงกต กล่าวว่าหากวันจันทร์หน้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจน คณะกรรมาธิการฯ สามารถส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.ได้ ทั้งนี้การบัญชีอายัดบัญชีม้าที่ สว.มองว่าขัดกับรัฐธรรมนูญและหลักการวิธีปฏิบัติทางปกครองจะทำอย่างไรให้เกิดการบาลานซ์กันนั้น ตามกฏหมายผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือเจ้าของบัญชียังถือว่าอเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าพนักงานสอบสวนจะสอบจนถึงที่สุดแล้วว่าไม่สามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ถึงจะมีการอายัดบัญชี ไม่ใช่มีการอายัดบัญชีก่อนแล้วค่อยสอบสวน จะต้องมีการสอบสวนก่อนแล้วค่อยอายัด
เมื่อถามต่อว่ากรณีที่รัฐบาลแต่ละสมัยพยายามเร่งรัด หากไม่มีการอายัดบัญชีก่อนก็จะดำเนินการได้ไม่เต็มเม็ด นายอลงกต ถามกลับว่าาเอาความถูกใจหรือเอาความถูกกฎหมายเป็นหลัก หากเอาความถูกใจสั่งวันนี้อายัดวันนี้ หรืออายัดนาน 3 เดือนก็ได้ แต่ถูกกฎหมายคือ ต้องให้สิทธิผู้บริสุทธิ์หรือผู้ที่ยังไม่มีการกระทำผิดชี้แจงที่มาของเงิน กรณีดังกล่าวเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องยึดถือสิทธิและเสรีภาพของประชาชนประชาชน ผู้บริสุทธิ์ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้มีความผิด สอบถามสอบสวนหากแน่ใจถึงอายัด
ด้านน.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน รองโฆษกกรรมการติดตามงบประมาณฯกล่าวว่า กรณีการอายัดบัญชีธนาคารทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีการแห่ถอนเงินกันจำนวนมาก ล่าสุดปลัดกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมชี้แจงแล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบแต่เป็นเพียงการระงับวงเงินชั่วคราวบางส่วน ที่ต้องสงสัยซึ่งธนาคารระงับได้ 3 วันและทำหน้าที่ตำรวจสามารถระงับได้ไม่เกิน 7 วันหากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดเงินที่ถูกระงับก็ถูกโอนกลับเข้าไปในเจ้าของบัญชี
ทั้งนี้ การระงับเงิน 3 วัน 7 วันมากพอที่จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินสำรวจความเดือดร้อนดูบ้าง ซึ่งกรรมาธิการได้รับเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รวมทั้งร้านค้า ที่มีหน้าร้านก็ต้องขึ้นป้ายรับเงินสด ประชาชนจำนวนมากเกิดความหวาดกลัวแห่ไปถอนเงินสดจนมีข่าวว่าเงินไม่พอถอนซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายและความสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นระบบการเงินแห่งชาติ
ขณะที่การเปิดสายด่วนก็ไม่มีคนรับสาย แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีความพร้อมในการรับมือเหตุการณ์ครั้งนี้ประชาชนต้องใช้เงินทุกวันและสำหรับ 3-7 วันเป็นการรอคอยที่นานเกินไปถึงยืนยันว่าไม่ใช่บัญชีม้าแต่คำถามคือประชาชนต้องทนรับภาระเรื่องนี้หรือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐาน
จึงขอเสนอแนวทางเร่งด่วนดังนี้ 1.เร่งปลดระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายใน 1-2 วัน 2. กำหนดมาตรฐานเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ 3.สร้างระบบที่โปร่งใส รวมทั้งบูรณาการร่วมกันระหว่างธนาคารตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากเราปล่อยให้ประชาชนรอเงินบริสุทธิ์ของตัวเองนาน 3-7 วันความเชื่อมั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง.-312.-สำนักข่าวไทย