แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง


ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล

การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) และธนาคารพาณิชย์ได้ยกระดับการจัดการบัญชีม้า ขยายขอบเขตการติดตามเส้นทางเงินให้กว้างขึ้น เพื่อกักเงินที่โยงกับบัญชีม้ามาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด จึงทำให้การระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากขึ้น


สำหรับประชาชนสุจริตที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา สามารถติดต่อยกเลิกการระงับ โดยติดต่อไปยังศูนย์ AOC 1441 ต่อ 2 ได้ตลอด 24 ชม.

นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัท หลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด วิเคราะห์ ปัญหาโดยระบุว่า ตำรวจไซเบอร์ (บช.สอท.) ชี้แจงว่า ที่มาของมาตรการระงับบัญชีต้องสงสัย ว่ามาจากการที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาศัย “บัญชีม้า” ในการกระจายเงิน แทนการโอนตรงเข้าสู่บัญชีหลักของขบวนการ ซึ่งมีทั้งการจ่ายค่าตอบแทนให้เจ้าของบัญชีม้า หรือโอนเงินเข้าร้านค้าเพื่อแลกเปลี่ยนออกมาเป็นเงินสดหรือสินค้า ไม่ว่าผู้ประกอบการจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน วิธีการนี้ส่งผลให้การติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายทำได้ยากขึ้น และมีความเสี่ยงที่ประชาชนทั่วไปหรือผู้ประกอบการบางรายจะถูกหลอกให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวงจรฟอกเงินโดยไม่รู้ตัว ซึ่งท้ายที่สุดอาจส่งผลกระทบต่อการถูก “อายัดบัญชี” จนไม่สามารถใช้เงินได้ แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการอาชญากรรมโดยตรงก็ตาม

อย่างไรก็ตาม มาตรการแก้ปัญหาของไทย-ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง โดยมาตรการนี้ภาครัฐอ้างว่า สามารถหยุดเส้นทางการเงินของคนร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยอมรับว่าเมื่อระบบติดตามเส้นทางการเงินมีความเข้มข้นขึ้น ก็ทำให้บัญชีของ “ประชาชนสุจริต” บางราย (หลายแสนบัญชี) ถูกระงับไปด้วย ในขณะที่สายด่วน AOC 1441 ต่อ 2 ก็ติดต่อได้ยาก ซึ่งกรณีภาครัฐระบุกรณีที่ผู้เสียหายได้รับโอนเงินมาจากบัญชีม้าโดยที่อาจไม่ได้รู้เห็นด้วยนั้น ตามมาตรการที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้เป็นเพียงการ “ระงับจำนวนเงินดังกล่าวชั่วคราว” ไม่ใช่การอายัดบัญชีธนาคารทั้งบัญชี นั่นหมายความว่าผู้ที่ถูก “ระงับการทำธุรกรรม” จะไม่สามารถดำเนินการใด ๆ กับ “วงเงิน” ที่ถูกระงับเท่านั้น รัฐอ้างว่าแม้บัญชีจะถูกอายัด แต่ยังสามารถใช้บัญชีของตนเองในการทำธุรกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากวงเงินนั้นได้ตามปกติ เช่น ถ้าถูกระงับธุรกรรม 100 บาท แต่เงินของประชาชนออกไปแล้วเหลือไม่ถึง 100 บาท ก็จะล็อกวงเงินนั้นไว้ จนกว่าประชาชนจะมีวงเงินมากกว่า 100 บาท ถึงจะกลับมาใช้ได้ เป็นไปตามกลไกภายใต้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัย แตกต่างจากการ “อายัดบัญชี” ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น แต่ว่ากว่าทางการจะสามารถตรวจสอบได้ว่า บัญชีนั้นๆ ได้รับเงินมาโดยสุจริต ต้องยื่นเอกสารมากมาย ใช้เวลานานกว่าจะได้รับการปลดล็อกการถูกอายัดบัญชี


นายสุวัฒน์ ให้ความเห็นว่า ผู้ร้ายตัวจริง คือต่างชาติเป็นหลัก ประชาชนไทยเป็นแพะ ในหลาย ๆ กรณี มีการขายบัญชีแล้วก็ไปเปิดบัญชีจำนวนมากใช้เป็นเส้นทางของคนร้ายจริง โดยหากถูกตรวจสอบว่า เป็นบัญชีม้าจริง ๆ เรียกว่า “ม้าสีดำ” ทางการจะมีกลไกของทาง ปปง. ไปทำให้การมีบัญชีนั้นทำได้ยากขึ้น กลไกการเพิกถอนการระงับธุรกรรมชั่วคราว ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจ ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) ในการปลดล็อกการระงับวงเงินผ่านการดำเนินการของศูนย์ AOC 1441 ได้ โดยจะเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบบัญชีผ่านการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทำงานร่วมกัน ระหว่าง ศปอท., ธปท., ธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตรวจสอบเส้นทางการเงิน, รูปแบบทางการเงินของบัญชีว่ามีลักษณะเป็นการทำธุรกรรมปกติหรือไม่ และเจ้าของบัญชีมีรายชื่อเกี่ยวข้องกับการอายัดบัญชีของ ปปง. และตำรวจหรือไม่

ปัญหาที่เกิดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ระบุว่า ศูนย์ AOC 1441 ในช่วงเกือบ 2 ปี (1 พฤศจิกายน 2566 – 1 สิงหาคม 2568) ได้ระงับบัญชีธนาคารไปแล้ว 821,090 บัญชี คิดเป็นค่าเฉลี่ยได้วันละ 1,269 บัญชี โดยบัญชีธนาคารที่ถูกระงับส่วนใหญ่เข้าข่ายประเภทคดี “หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ” คิดเป็น 31.82% รองลงมาคือคดีหลอกลวงหารายได้พิเศษ, หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล, หลอกลวงลงทุน, หลอกลวงให้กู้เงิน และคดีอื่น ๆ แต่หากในการปฏิบัติงานตามมาตรการและระเบียบที่มีอยู่ บ่งบอกว่า กระบวนการแจ้งอายัดบัญชีผ่านสายด่วน 1441 ทำได้ง่ายดาย เพียงแค่ผู้เสียหายแจ้งว่าถูกโกงและตรวจสอบพบว่ามียอดโอนไปยังบัญชีปลายทางจริง แต่กระบวนการปลดอายัดกลับยุ่งยากและต้องผ่านตำรวจสอบสวนซึ่งรับผิดชอบหลายคดีในมืออยู่แล้ว

-วิเคราะห์การตรวจสอบและจับกุมเงินในบัญชีผิดกฎหมายของอาชญากรระหว่างจีนและไทย
โดยการตรวจจับนั้น เทคนิคการฟอกเงินของไทยส่วนหญ่จะผ่าน “บัญชีม้า” โดยไทย: ใช้ “บัญชีม้า” (บัญชีธนาคารที่ถูกเช่าหรือยึดมา) รับเงินผิดกฎหมาย → ซื้อสินค้า (เช่น สินค้าฟุ่มเฟือย โทรศัพท์ ทองคำ) → นำไปขายต่อเป็นเงินสดเพื่อตัดสายการติดตาม
-จีน: ใช้การซื้อ “ของมีค่า” (เช่น กระเพาะปลา ภาพวาดโบราณ หยก) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ → จ่ายเงินเกินราคาให้อาชญากร (แอบแฝงการโอนเงินผิดกฎหมาย) → อาชญากรนำไปขายต่อหรือใช้เป็นหลักทรัพย์ต่อได้
ในขณะที่การตรวจจับและความท้าทาย โดยไทยใช้บัญชีม้า การตรวจจับมุ่งเน้นที่การติดตามการเคลื่อนไหวของเงินในบัญชีม้าและรูปแบบการซื้อสินค้าที่ผิดปกติ, อุปสรรคหลักคือ บัญชีม้ามักเปิดด้วยบัตรประชาชนที่ถูกขโมยหรือเช่าจากประชาชนที่ขาดความรู้ ทำให้ติดตามตัวจริงยาก ซึ่งไทย เริ่มนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ยังขาดพัฒนาการใช้และเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์อย่างเป็นระบบ

ส่วน จีน:ตรวจสอบ กระเพาะปลา เป็นสินค้ามีค่าในการฟอกเงิน ใช้ระบบตรวจสอบธุรกรรมออนไลน์และแพลตฟอร์มการค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดตามการซื้อขายของมีค่าที่มีราคาไม่สมจริง ,ความท้าทายอยู่ที่การพิสูจน์ว่าการซื้อขายนั้นเป็นการฟอกเงินจริง เพราะของมีค่าอาจมีราคาตลาดที่ยืดหยุ่น โดยจีน ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์ธุรกรรมแบบเรียลไทม์ มีกฎหมาย strict ในการควบคุมแพลตฟอร์มออนไลน์และบัญชีธนาคาร
ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ: ทั้งจีนและไทย เพิ่มความร่วมมือกับประเทศอื่นในการติดตามการฟอกเงินข้ามชาติ แต่จีนมีทรัพยากรและอิทธิพลในการดำเนินการมากกว่า โดยหลายเดือนก่อนที่จีนบินมาแจ้งเบาะแสให้ทางการไทยจับกุมทั้งคนไทย คนจีน คนต่างชาติอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงผ่าน call center และบัญชีม้ามากมาย แต่ไทยเพิกเฉย เพียงตัดไฟฟ้าแบบ “พอเป็นพิธี“ เท่านั้น

บทสรุป “ ไทยเอาใจ แต่ จีนเอาจริง” ในขณะที่ไทยมุ่งเน้นการติดตามบัญชีม้าและการแปลงสินค้าเป็นเงินสด จีนจะเผชิญกับการฟอกเงินผ่านของมีค่าที่แอบแฝงในธุรกรรมออนไลน์ จีนเอาจริงเอาจังกับการปราบปราม แต่ไทยดูเหมือนทำเป็นพิธี ซึ่งหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ จะเข้ามาแก้ปัญหา การอายัดบัญชี เป็นวิธีที่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่เหมาะสมชัดเจน ที่จะอยู่ในความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการตรวจสอบและจับกุม และการไม่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไป ที่ผ่านมา เราทำเพียง “ลูบหน้าปะจมูก” เพราะผู้มีอำนาจต่างมีส่วนร่วมกับการทำผิดเหล่านี้หรือไม่? ในขณะที่จีนทำแบบจริงจังมาก ปธน.สีจิ้นผิง ระบุ “การทุจริตคือความเสี่ยงสูงสุดต่อการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์” นายสุวัฒน์ ระบุ.- 511- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

แบงก์ชาติเตรียมแถลงบ่ายนี้ ปมผลกระทบ “บัญชีม้า”

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-สมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูลบ่ายวันนี้ กรณีปัญหาผลกระทบประชาชน จากการระงับธุรกรรมเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้า ด้านนักวิเคราะห์ เปรียบเทียบปัญหาไทย-จีน หวังรัฐบาลใหม่เอาจริง ธปท.แจ้งว่า บ่ายวันนี้ เวลา 13.00-14.30 น. ธปท.จะมีการชี้แจงรายละเอียดการระงับธุรกรรมในเส้นทางเงินเพื่อจำกัดความเสียหายจากบัญชีม้าให้แก่สื่อมวลชน ณ ห้องแถลงข่าว อาคาร 2 ธปท. โดยนางดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน นางสาวอรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการ ธปท. และนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้แทนจากสมาคมธนาคารไทย ร่วมกันให้ข้อมูล การชี้แจงดังกล่าว ก็เป็นเรื่องต่อเนื่องจากวานนี้ที่มีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานรัฐ-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย เพื่อร่วมปลดล็อกปัญหา ปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต หลังจากมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ตามขั้นตอน ทางธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

บ.เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงเหตุไฟไหม้เรือด่วน คาดไฟฟ้าลัดวงจร

14 ก.ย. – บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้เรือด่วน มีเรือได้รับความเสียหายหนัก 2 ลำ เสียหายเล็กน้อย 1 ลำ และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสีย คาดสาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เวลาประมาณ 18.36 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือด่วนที่จอดเรียงติดกัน จำนวน 3 ลำ โดยมีเรือที่ได้รับความเสียหายหนักจำนวน 2 ลำ และได้รับความเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือได้จอดเลิกงานตามปกติแล้ว บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ขณะเกิดเหตุนั้น ไม่มีผู้โดยสารหรือพนักงานอยู่บนเรือ จึงทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าที่ต่อจากท่าเรือไปชาร์จแบตเตอรี่ในเรือต้นเพลิงลัดวงจร โดยเรือทั้งหมดได้เข้ามาจอดเลิกงานเวลา 18.15 น. และไม่ได้อยู่ระหว่างให้บริการ เมื่อเกิดเหตุ พนักงานประจำพื้นที่ได้เข้าดับเพลิงเบื้องต้นทันที พร้อมทั้งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าควบคุมสถานการณ์ และสามารถควบคุมเพลิงได้ภายในระยะเวลา 45 นาที ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันสาเหตุที่แท้จริง และเพื่อวางมาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต บริษัทฯ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น […]