กนง.คงดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี พร้อมจับตาบาทใกล้ชิด

กรุงเทพฯ  18 พ.ย. – ที่ประชุม กนง.มีมติคงดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี หนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ชี้มาตรการคลังสำคัญ แนะเร่งเบิกจ่ายและให้ความช่วยเหลือตรงจุด พร้อมห่วงบาทแข็งเร็ว สั่งจับตาเงินทุนเคลื่อนย้ายใกล้ชิด


นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ครั้งที่ 7/2563 ว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดย กนง.เห็นว่าการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง สินเชื่อควรเร่งกระจายไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างตรงจุดและทันการณ์ รวมทั้งเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่มาตรการการคลังมีบทบาทสำคัญต่อเนื่อง ควรเร่งเบิกจ่ายและให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางอย่างตรงจุด ควบคู่กับการยกระดับทักษะแรงงาน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปรับตัวดีกว่าที่คาด แต่ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า คาดจะใช้เวลา 2 ปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับสู่ระดับก่อนระบาด ตลาดแรงงานยังเปราะบางโดยเฉพาะรายได้แรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้กดดันการบริโภคภาคเอกชน เมื่อปัจจัยสนับสนุนชั่วคราวเริ่มหมดลง ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศยอมรับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่กดดันแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้า


ทั้งนี้ กนง.แสดงความกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง โดยสาเหตุมาจากการที่นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในตลาดเอเชียรวมทั้งไทย ซึ่งตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐและมีความคืบหน้าการผลิตวัคซีน ดังนั้น จึงให้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม ซึ่งวันที่ 27 พฤศจิกายน ธปท.จะมีการเปิดเผยความคืบหน้าถึงการติดตามสถานการณ์ตลาดเงิน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ