กรุงเทพฯ 16 ต.ค. – นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินแห่งชาติ (กนง.) ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ว่า ส.อ.ท.แสดงจุดยืนมาตลอดว่า อยากให้คณะกรรมการ กนง.พิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และวันนี้ตนเองก็อยากขอวอน กนง.พิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลงนโยบายลงให้สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน หลังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% เป็นเวลานานถึง 1 ปีเศษ ซึ่งเป็นเวลาที่นานพอสมควร อย่างน้อยก็ขอให้ลดลง 0.25% แม้ว่าจะมีผู้ได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็จะเป็นการช่วยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบหนัก
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องเผชิญการแข่งขันสูง จากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็วกดดันภาคการส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก และกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย อีกทั้งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากระดับ 34.92 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในเดือนสิงหาคม 2567 เป็น 33.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในเดือนกันยายน 2567 ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ร้อยละ 0.50 สู่ระดับ 4.75-5.00 ทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น
ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและลดความผันผวน โดยที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 ฝ่าย (กกร.) เคยเสนอไปว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมที่สุดจะอยู่ในกรอบ 34-35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เงินบาทอ่อนลงไปถึง 36 บาทต่อดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้นมาที่ 32 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะขยับมาที่ 33.3 บาทต่อดอลลาร์ ในเช้าวันนี้ ซึ่งเข้าใจว่ารัฐบาลมีกลไกเข้ามาช่วย
“ประเทศไทยส่งออกสินค้าเกษตรเป็นหลัก การที่เราให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ากว่าปัจจุบัน คือระหว่าง 34-35 บาทต่อดอลลาร์ คือเรทที่เราจะได้จีดีพี และแข่งขันได้ดีที่สุด” นายอิศเรศ กล่าว -517-สำนักข่าวไทย