บุรีรัมย์ 26 ต.ค.- ชมรม อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการบริหาร หารือแนวทางช่วยเหลือเยียวยาลูกสาว อสม.ที่ออกมาร้องขอความเป็นธรรมส่งเงินสมทบ 16 ปี แต่แม่ตายไม่ได้เงินฌาปนกิจศพ เพราะไม่มีชื่อในระบบ
ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ชลธิดา ชมภูกุล อายุ 44 ปี ชาวบ้านหมู่ 17 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความเป็นธรรม หลังจากนางทองเพียร ชมภูกุล อายุ 75 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็น อสม.มาตั้งแต่ปี 2535 และสมัครเป็นสมาชิกกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2547 ได้ส่งเงินสมทบต่อเนื่องมาเป็นเวลา 16 ปี และเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา แม่ได้เสียชีวิต แต่พอนำหลักฐานไปยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินสงเคราะห์ศพตามสิทธิ ซึ่งควรจะได้เงิน 67,100 บาท แต่เจ้าหน้าที่กลับบอกว่า ไม่มีชื่อของแม่อยู่ในระบบ จึงไม่สามารถรับเงินสงเคราะห์ศพได้ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนต้องไปกู้ยืมเงินมาใช้ในการจัดงานศพ
ล่าสุดทางชมรม อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ เตรียมเรียกคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ มาประชุมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยา น.ส.ชลธิดา ลูกสาวของ อสม.ที่เสียชีวิต เพราะทางกองทุนฯ ไม่สามารถนำเงินของกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์มาจ่ายให้กับ น.ส.ชลธิดา ได้ เนื่องจากไม่มีชื่อของผู้เสียชีวิตอยู่ในระบบและไม่มีหลักฐานว่าได้ส่งเงินสมทบตามเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของทางกองทุนฯ โดยการช่วยเหลือเยียวยาอาจจะนำเงินกองทุนสวัสดิการชมรม อสม.ที่มีอยู่มาช่วยเหลือในเบื้องต้น แต่ก็ต้องมีการประชุมหารือขอมติจากคณะกรรมการฯ อีกครั้ง ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าได้ส่งเอกสารใบสมัครและเงินสมทบให้กับประธาน อสม.หมู่บ้าน แล้วทางประธาน อสม.หมู่บ้านยืนยันว่าส่งต่อให้กับประธาน อสม.ตำบล แต่ประธาน อสม.ตำบลยืนยันว่าไม่ได้รับเอกสารและเงินสมทบจากประธาน อสม.หมู่บ้าน จนกลายเป็นปัญหานั้น ทางกองทุนฯ ก็จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเอกสารและเงินสมทบที่อ้างว่ามีการฝากส่งนั้นหายไปไหน เพื่อจะได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนต่อไป เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ทำให้กองทุน อสม.อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ได้รับความเสียหาย และขาดความเชื่อถือของสมาชิก.-สำนักข่าวไทย