กพท.ขยายเวลาห้ามบินเข้าไทยถึง 30 เม.ย.นี้

กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – กพท.ออกประกาศขยายเวลาห้ามบินเข้าไทย 19-30 เม.ย.นี้ หวังสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่อง



นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (15 เม.ย.) ได้ลงนามออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่อง ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 3) หลังจากที่ได้เคยออกประกาศฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ไปแล้วเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2563 และวันที่ 6 เม.ย. 2563 ตามลำดับ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รุนแรงมากยิ่งขึ้น และเพื่อสนับสนุนการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินข้างต้นให้ยุติลงโดยเร็ว


ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลและความจำเป็นในการคงความต่อเนื่องของมาตรการดังกล่าวต่อไปอีก เพื่อประสิทธิผลในการป้องกันและควบคุมโรคนั้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 จึงมีคำสั่งห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารทำการบินเข้ามายังท่าอากาศยานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันทื่ 19 เมษายน 2563 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 เวลา 23.59 น. โดยมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง 

สำหรับการประกาศห้ามอากาศยานขนส่งคนโดยสารเข้ามายังท่าอากาศยานประเทศไทยดังกล่าวนั้น ยกเว้นอากาศยานราชการหรือที่ใช้ในราชการทหาร, อากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน, อากาศยานที่ขอลงทางเทคนิค โดยไม่มีผู้โดยสารออกจากเครื่อง, อากาศยานที่ทำการบินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมทำการบินทางการแพทย์ หรือการขนส่งสิ่งของเพื่อสงเคราะห์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19, อากาศยานที่ได้รับอนุญาตให้ทำการบินรับส่งบุคคลกลับประเทศไทยหรือกลับภูมิลำเนา และอากาศยานขนส่งสินค้า 

นายจุฬา กล่าวต่ออีกว่า สำหรับบุคคลหรือผู้โดยสารบนอากาศยานที่ยกเว้นนั้น จะอยู่ภายใต้บังคับของมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ เช่น การกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และบรรดาข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อย่างไรก็ตาม การอนุญาตการบินที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ออกให้แก่อากาศยานขนส่งคนโดยสารสำหรับการบินเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงระยะเวลาตามที่ระบุข้างต้นให้เป็นอันยกเลิก



สำหรับการขอเดินทางกลับประเทศของคนไทยไปที่ตกค้างในต่างประเทศ ที่มีความจำเป็นช่วยเหลือนั้น เป็นไปตามขั้นตอนที่กระทรวงการต่างประเทศเคยระบุไว้ว่าจะมีโควต้าไม่เกินวันละ 200 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่กระทรวงสาธารณสุข มีความเห็นว่าเป็นจำนวน ที่สามารถรองรับได้ ทั้งเรื่องของการควบคุมโรค การทำ State Quarantine ในเรื่องของสถานที่และการดูแลของเจ้าหน้าที่รัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานระบุด้วยว่า ผลการศึกษาของกรมควบคุมโรค ระบุว่า การจำกัดคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ไม่เกิน 200 คน เนื่องจากข้อมูลล่าสุดพบว่า คนไทย ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งขณะนี้พื้นที่เสี่ยงสูง คือประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 ไม่เกิน 30% แปลว่า หากมีคนไทยเดินทางกลับมาวันละ 200 คน จะมีความเสี่ยงที่จะมีผู้ติดเชื้อ ไม่เกิน 60 คน ซึ่งมาตรการดังกล่าวเมื่อรวมเข้ากับมาตรการเคอร์ฟิว (22.00-04.00 .) ก็จะทำให้ปริมาณผู้ติดเชื้อ COVID ใหม่ ไม่เกินวันละ 50-60 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ระบบสาธารณสุขของไทยรองรับได้

นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กพท.ระบุว่าขั้นตอนนั้น ผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยจะต้องไปแจ้งชื่อไว้ที่กงสุลในต่างประเทศ และมีการปฏิบัติตามเงื่อนไขเรื่องใบรับรองแพทย์ 72 ชั่วโมงตามประกาศ กพท. ก่อนหน้านี้ และเมื่อมีปริมาณของคนไทยที่ลงชื่อมากเพียงพอ สํานักงานกงสุล จะแจ้งมาที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแจ้งกับ กพท.เพื่อทำการอนุมัติเที่ยวบินพิเศษ ทำการบินเข้าสู่ประเทศไทย เมื่อมาถึงไทยก็ทำการคัดกรองตามขั้นตอน และนำคนไทยส่งไป State Quarantine ที่เตรียมไว้ เพื่อกักตัว 14 วัน ซึ่งในส่วนนี้ภาครัฐ มีการเตรียมห้องสำหรับหมุนเวียนกักตัวอย่างน้อย 2,800 ห้อง

ทั้งนี้ในส่วนของเที่ยวบินที่ใช้เป็นเที่ยวบินที่จะบินเปล่า (ไม่มีผู้โดยสาร)เข้ามาประเทศไทย เช่น เที่ยวบินของต่างประเทศที่มีความประสงค์จะบินเข้ามารับคนของประเทศตัวเอง ที่ตกค้างในประเทศไทยเพื่อกลับประเทศ ก็จะแวะรับคนไทยตามจุดบินในประเทศต่างๆ ที่มีการแจ้งลงชื่อไว้ ซึ่งการดำเนินมาตรการดังกล่าวมาประมาณ 1 เดือนก็พบว่า ประสบความสำเร็จดี

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา (14 เม..) มีคนไทยที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีจำนวน 130 คน และวันนี้ก็จะมีคนไทยเดินทางกลับจากอินชอน เกาหลี ใต้ อีกจำนวน 175 คนด้วย .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

ศึกชิงนายก อบจ.เพชรบุรี แชมป์เก่ายังแรง

เลือกตั้งนายก อบจ.เพชรบุรี ไม่คึกคัก ผลไม่เป็นทางการ “ชัยยะ อังกินันทน์” แชมป์เก่า คะแนนนำทิ้งห่างคู่แข่ง ด้านเลขาฯ กกต. เผยภาพรวมทั้ง 3 จังหวัด คนมาใช้สิทธิน้อย คาดเบื่อเลือกตั้ง 2 รอบ

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

ลุ้นผลเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ขณะนี้การนับคะแนนตามหน่วยต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ในขั้นตอนการรวมคะแนน ซึ่งในเขตเมือง ผลปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชนมีคะแนนนำ แต่อำเภอรอบนอก ตัวแทนพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำอยู่หลายหน่วยเลือกตั้ง