นิวยอร์ก 11 เม.ย.- หลายเมืองทั่วโลกแจ้งว่า อัตราการเกิดอาชญากรรมลดลงมากนับตั้งแต่มีมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่กังวลเรื่องการใช้ความรุนแรงภายในบ้านที่ไม่มีการแจ้งความและสิ่งที่จะตามมาหลังการยกเลิกมาตรการหรือหากต้องใช้มาตรการยืดเยื้อ
นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เมืองที่เกิดเหตุรุนแรงมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐ มีรายงานการจับกุมยาเสพติดลดลงถึงร้อยละ 42 เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน นครนิวยอร์ก ศูนย์กลางโควิด-19 ระบาดในสหรัฐ มีคดีฆาตกรรม ข่มขืน ปล้นชิง ย่องเบา ทำร้ายร่างกาย และขโมยรถลดลงร้อยละ 12 ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม นครลอสแอนเจลิสมีคดีอาชญากรรมลดลงถึงร้อยละ 30 ช่วงสัปดาห์กลางเดือนก่อน
แนวโน้มนี้เกิดขึ้นกับหลายพื้นที่ทั่วโลก แม้แต่พื้นที่ที่เหตุรุนแรงมากที่สุด ภูมิลาตินอเมริกามีอาชญากรรมน้อยลงอย่างที่ประชาชนไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงรอบหลายทศวรรษ เอลซัลวาดอร์มีรายงานเหตุฆาตกรรมเฉลี่ยวันละ 2 รายเมื่อเดือนก่อน เทียบกับเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่เคยสูงถึงวันละ 600 คน แอฟริกาใต้มีคดีข่มขืนลดลงจาก 700 คดีเหลือ 101 คดีในช่วงสัปดาห์แรกของการปิดเมือง คดีทำร้ายร่างกายร้ายแรงลดลงจาก 2,673 คดีเหลือ 456 คดี และคดีฆาตกรรมลดลงจาก 326 คดีเหลือ 94 คดี
นักวิเคราะห์และนักสถิติชี้ว่า มาตรการจำกัดการเดินทางอย่างเคร่งครัดน่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อาชญกรรมทั่วโลกลดลง ขณะที่อดีตตำรวจผันตัวไปเป็นนักวิชาการมองว่า การที่คนอยู่บ้านทำให้อาชญากรสบช่องน้อยลงในการกระทำผิด ขณะเดียวกันการปิดเมืองเปิดทางให้เกิดเหตุรุนแรงในครอบครัวมากขึ้น ทั้งการทำร้ายร่างกายและการใช้ปืน ขณะที่สายด่วนร้องเรียนเหตุทำร้ายหรือทอดทิ้งเด็กลดลงมากเพราะเด็กอยู่บ้าน ไม่สามารถบอกใครได้เหมือนเวลาไปโรงเรียน.-สำนักข่าวไทย