รัฐบาลเตรียมโอนผู้สูงอายุ 1 หมื่นบาท

กรุงเทพฯ 19 พ.ย. – รัฐบาลเตรียมโอนผู้สูงอายุ 1 หมื่นบาท ช่วงตรุษจีน พร้อมเร่งแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต หนี้บ้าน รถยนต์ ยกเว้นดอกเบี้ย 3 ปี


นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบหลายมาตรการเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ เริ่มจากมาตรการระยะสั้น เห็นชอบโอนเงิน 1 หมื่นบาท เป็นเงินสด ใช้จ่ายได้ทั่วไปเหมือนกลุ่มเปราะบางเฟสแรก โดยผู้สูงอายุต้องลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ และยืนยันตัวตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คาดว่าเริ่มโอนในช่วงตรุษจีนปีหน้า ประมาณ 4 ล้านราย ใช้เงินงบประมาณรองรับ 40,000 ล้านบาท ส่วนกลุ่มที่เหลือยังไม่มีมือถือ รัฐบาลเตรียมเปิดลงทะเบียนเร็วๆ นี้ สำหรับกลุ่มอื่นที่ลงทะเบียนทางรัฐไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบในการใช้เงินดิจิทัล เพื่อให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัย คาดเริ่มใช้งานได้ในต้นปีหน้า


นายพิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลยังเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน โดยกระทรวงการคลัง ร่วมมือกับแบงก์รัฐและธนาคารพาณิชย์ แก้ปัญหาหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ทั้งหนี้บ้านอยู่อาศัย รถยนต์ บัตรเครดิต วงเงินหนี้ประมาณ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท ด้วยการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ งดคิดดอกเบี้ย 3 ปี เพื่อให้ชาวบ้านมีเงินบริโภค ใช้จ่ายลงทุนประกอบอาชีพ และหากใครมีวินัย ชำระดีมีคืนในช่วง 5 ปี จะยกเว้นดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ให้ทั้งหมด คลังและแบงก์ชาติเตรียมความชัดเจน สรุปอีกครั้งเร็วๆ นี้

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังต้องการผลักดันการแจกเงินให้กับเกษตรกร ไร่ละ 1,000 บาท จำนวนไม่เกิน 20 ไร่ต่อราย เพราะถือว่าเกษตรกรเป็นกลุ่มเปราะบาง ยังต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้มีรายได้นำไปชำระหนี้ การใช้จ่ายอุปโภค บริโภค ต้องหารือกับกระทรวงเกษตรฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสรุปแนวทางจ่ายเงินให้กับชาวนาให้เร็วที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างเริ่มเตรียมเก็บเกี่ยวข้าวในช่วงปลายปีนี้

รัฐบาลยังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกหลายด้าน จึงเพิ่มรายชื่อรัฐมนตรีคมนาคม รวมทั้งรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นกรรมการ เพื่อผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอีกหลายด้าน รวมถึงการฟื้นฟูกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะเชื่อมโยงกับหลายสาขา เพื่อดูแลกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งบ้าน และดูแลคนรายได้น้อยต้องการมีบ้าน ตลอดจนการออกมาตรการดึงดูดการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เช่น แลนด์บริดจ์ รองรับการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำเสนอรายละเอียดให้ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นพิจารณาเพิ่มเติม.-515-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข