3 ธ.ค. ยุติสอบสวน 18 บอสดิไอคอนฯ สรุปส่งอัยการลอตแรก

เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 20 พ.ย.- DSI ขีดเส้น 3 ธ.ค. ยุติสอบสวน 18 บอสดิไอคอนฯ ก่อนสรุปส่งอัยการลอตแรก ด้านโฆษกดีเอสไอ นำทีมเข้าคุกชาย เค้นสอบ 11 บอสชายดิไอคอนฯ พร้อมอัปเดตผลสอบ “กฤษอนงค์” ปมคลิปเสียง 10 ล้านอ้างจ่ายดีเอสไอ


บริเวณด้านหน้าเรือนจำพเศษกรุงเทพฯ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือกองคดีฮั้วประมูล ในและฐานะโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 119/2567 กรณี การดำเนินคดีอาญากับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด กับพวก เปิดเผยกับสื่อมวลชนก่อนเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่ 11 บอสชายดิไอคอนฯ ว่า ประเด็นที่จะเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาในวันนี้คือประเด็นจากมติที่ประชุมเมื่อวันศุกร์ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะพนักงานสอบสวนได้ร่วมกันประชุมแล้วเห็นว่ามีบางประเด็นที่เรามีข้อสงสัย จึงต้องมาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมทั้ง 11 บอสชายเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทางทนายความของผู้ต้องหาได้ให้สัมภาษณ์ว่า มีการให้ปากคำไปแล้ว 48 ชม. ในชั้นตำรวจ ยังไม่ครบถ้วนหรือไม่นั้น ตนต้องเรียนว่ามันยังมีประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม สอบสวนในรายละเอียดที่เรารับสำนวนมาแล้ว จึงต้องสอบเพิ่มเติมในทุกข้อกล่าวหา ทั้ง พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ฉ้อโกงประชาชน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และ พ.ร.บ.ขายตรงฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านี้ 11 บอสชายได้มีการให้การปฏิเสธ จะให้การในชั้นศาล ทั้งนี้ ดีเอสไอไม่ได้ใช้แค่การสอบสวนปากคำผู้ต้องหาเพื่อค้นหาความจริง แต่เป็นเพียงข้อสงสัยบางประการที่เราต้องซักถาม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหาจะให้การหรือไม่ก็ได้ เป็นสิทธิของผู้ต้องหา

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายของบอสพอล จะขอขยายระยะเวลาการยื่นเอกสารแก้ข้อกล่าวหาของบรรดา 18 บอสดิไอคอนฯ ออกไปอีก 15 วัน รวมเป็น 30 วันนั้น ว่า วันนี้เรามาพูดคุยกับเขาให้เข้าใจว่าเบื้องต้นเราให้กรอบเวลา 15 วัน และขยายสิ้นสุดที่วันที่ 3 ธ.ค. ให้เขาได้ไปรวบรวมพยานเอกสารที่ต้องการใช้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน โดยต้องการให้พวกเขาดำเนินการให้เเล้วเสร็จภายในวันที่ 3 ธ.ค. เพราะดีเอสไอจะได้สรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการตามกรอบเวลา และดีเอสไอจะพิจารณาเท่าที่สำนวนมีอยู่ ส่วนถ้าเขาอยากให้การเพิ่มเติมภายหลังจากนั้น ก็จะต้องยื่นไปยังพนักงานอัยการแทนพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ย้ำว่า เราขยายให้ได้ถึงเพียงวันที่ 3 ธ.ค. เท่านั้น เพราะเป็นกำหนดระยะเวลาว่าจะพิจารณาพยานหลักฐานให้แล้วเสร็จภายในวันนั้น รวมถึงการมีมติ และพิจารณาหลักฐานทั้งฝ่ายผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย และผู้ต้องหาด้วย ทั้งนี้ การจะสรุปสำนวนส่งอัยการยังคงมีเพียง 18 รายดังกล่าว ยังไม่มีผู้ต้องหาเพิ่มเติมแต่อย่างใด


ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการสอบสวนปากคำ 18 บอสดิไอคอนฯ ภายในเรือนจำฯ ดีเอสไอได้ดำเนินการแล้ว 2 ครั้ง ภาพรวมทั้งหมดส่วนใหญ่ยังไม่ให้การใด ๆ และยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหา ซึ่งอุปสรรคก็เป็นของฝ่ายผู้ต้องหาเอง ไม่ใช่ดีเอสไอ และการเข้าสอบสวนปากคำซ้ำ ก็เพราะว่ามีประเด็นที่พนักงานสอบสวนสงสัยจึงต้องเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนต้องการข้อเท็จจริงจากพวกเขา ถ้าเขาให้การ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาเองในการใช้ในชั้นศาลได้ด้วย ทั้งนี้ การที่ผู้ต้องหาไม่ให้การกับพนักงานสอบสวนไม่ถือว่ากระทบต่อสำนวนคดี

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องที่ดีเอสไอจะสอบสวนปากคำบอสพอล กรณีเป็นคู่สายสนทนากับ น.ส.กฤษอนงค์ ประเด็นกล่าวอ้างเรื่องการจ่ายเงิน 10 ล้านบาทผ่านคนกลางนั้น ทราบว่าช่วงบ่ายวันนี้จะมีคณะพนักงานสอบสวนอีกชุดหนึ่งเข้ามาสอบปากคำบอสพอล อีกทั้งกรณีที่วานนี้ (19 พ.ย.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้มีคำสั่งให้อธิบดีดีเอสไอ ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น ตนขอเรียนว่าเบื้องต้นคณะทำงานที่อธิบดีดีเอสไอได้แต่งตั้ง ได้มีการเข้าไปสอบปากคำ น.ส.กฤษอนงค์ ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเธอให้การยืนยันตามโพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คของเธอ แต่ไม่ขอยืนยันในคลิปเสียง เพราะในโพสต์เธอยอมรับว่ามันมีตัวกลางเข้าไปเกี่ยวข้องจริง และเห็นว่าไม่มีความจำเป็น อย่างไรก็ตาม อธิบดีดีเอสไอ ได้รับดำริจาก รมว.ยุติธรรม ว่าการตรวจสอบ จะตรวจสอบแค่ภายในหน่วยงานไม่ได้ จึงต้องให้บุคคลภายนอกที่เป็นบุคคลที่อยู่ภายในกระบวนการยุติธรรม ที่ประชาชนและสื่อมวลชนเชื่อถือเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพื่อความเป็นกลางและสามารถที่จะชี้ได้ว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นนั้นมันจริงหรือไม่เพื่อตอบสังคมด้วย

เมื่อถามว่ากรณีวานนี้ (19 พ.ย.) ที่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปสอบปากคำ น.ส.กฤษอนงค์ กรณีคลิปเสียงสนทนาดังกล่าว สรุปแล้วเธอให้การยืนยันหรือไม่ว่าเป็นคลิปเสียงสนทนาของเธอจริง ๆ ไม่ได้มีการตัดต่อ โดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ แจงว่า เธอให้การยืนยันว่าเป็นเพียงบางส่วน แต่รายละเอียดยืนยัน เธอยืนยันตามโพสต์ข้อความบน Facebook ว่าเป็นเหตุการณ์พูดคุยกันเมื่อ 10 ปีที่แล้วภายหลังจากที่สำนวนเสร็จสิ้นแล้ว เธอจึงเล็งเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้การเกี่ยวกับบุคคลที่สาม หรือตัวกลาง ส่วนคลิปเสียงสนทนาที่ได้รับมาจากสำนักข่าวที่มีการรายงานนั้น คณะพนักงานสอบสวนได้มีการนำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจพิสูจน์แล้ว ทั้งนี้ การพิจารณาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามที่อธิบดีดีเอสไอได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้มี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ดีเอสไอเป็นหน่วยงานภาครัฐ พร้อมรับการตรวจสอบ ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ แต่ถ้าเมื่อตรวจสอบแล้วมันไม่ใช่ เราก็ต้องชี้แจงต่อสังคม ส่วนถ้ามีการพาดพิงต่อหน่วยงานและองค์กร หรือมีผลกระทบความเสียหายหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นอกจากนี้ ในเรื่องของการตรวจสอบการจ่ายสินบนเทวดาในดีเอสไอ เราได้มีการตรวจสอบไปแล้วก่อนหน้านี้ และยืนยันไปแล้วว่าไม่มี และอาจจะมีการดำเนินคดีกับส่วนบุคคลภายนอก รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแน่นอน เพราะสำนวนก็ใกล้จะเสร็จแล้ว พอมีเรื่องนี้มากระตุกก็ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ทั้งนี้ ถ้าตามหลักการตรวจสอบมีเวลา 30 วัน


ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีตัวแทนของดิไอคอนฯ ถูกอายัดบัญชีธนาคารนั้น เรื่องนี้ถือเป็นปัญหา เพราะเป็นบัญชีที่ถูกอายัดตั้งแต่ชั้นตำรวจ โดยระบบของ AOC : Anti Online Scam Operation Center หรือระบบอายัดโดยอัตโนมัติ เนื่องจากเมื่อมีการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ระบบจึงอายัดอัตโนมัติ เบื้องต้นอธิบดีดีเอสไอได้มีคำสั่งว่าจะต้องมีการประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันพรุ่งนี้ให้แล้วเสร็จว่าวิธีการดำเนินการ จะแก้ไขและช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและไม่เกี่ยวข้องในคดีได้อย่างไร ซึ่งจะเป็นการประชุมโดยด่วน และจะต้องมีการคัดกรองว่าต้องเป็นบัญชีธนาคารที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดจริง ๆ หรือคดีความผิดมูลฐาน อันนี้ถึงจะดำเนินการยึดอายัด ส่วนที่ไม่เกี่ยว เป็นเงินลงทุนธรรมดา เราจะต้องเร่งคืนให้เขา ซึ่งการปลดล็อคบัญชีอายัดธนาคารจะต้องดำเนินการให้รวดเร็ว แม้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการอายัดแต่กระบวนการถอนปลดการอายัดบัญชีจะต้องดำเนินการโดยดีเอสไอ ทำให้เราต้องรีบเร่งรัดในการพิจารณา จึงต้องขอให้ทางตำรวจช่วยพิจารณาเพื่อความรวดเร็วประกอบไปด้วย

เมื่อถามว่าตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ฝากขังผัด 4 ซึ่งคดีฉ้อโกงประชาชน สามารถยื่นฝากขังต่อศาลได้ 7 ฝาก ดีเอสไอจะค้านประกันตัวยาวถึงฝากที่ 7 เลยหรือไม่ เพราะทนายบอสพอล ได้ระบุว่า ถ้าช่วงฝากขังผัด 5-7 ดีเอสไอไม่ค้านประกัน ถึงจะยื่นขอปล่อยตัวช่วงนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ในหลักการสอบสวนตามมาตรา 22 วรรคท้าย สำนวนคดีใดที่เป็นของตำรวจให้เป็นส่วนหนึ่งของดีเอสไอ ซึ่งทางตำรวจได้มีการอายัดคัดค้านไว้เรียบร้อยแล้วก็คงไม่มีเหตุคำสั่งเปลี่ยนแปลง ส่วนกรณีที่ทนายความของผู้ต้องหาระบุว่าเป็นอุปสรรคถ้าหากผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำและมีความจำเป็นต้องต่อสู้คดี ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ที่ต้องขอยัดตัวเพราะเป็นคดีที่เป็นผลกระทบต่อวงกว้าง.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

ล่า “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงินกว่า 3 ล้าน

กทม. 1 ก.ค. – ตำรวจยังคงไล่ล่าแก๊งปล้นเงินกลางห้างดังย่านลาดพร้าว ได้เงินไปกว่า 3.4 ล้านบาท ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับแล้ว พบเป็นคนดังโซเชียลสายคุก ฉายา “เสือปุ่น” มีประวัติคดีโชกโชน .-สำนักข่าวไทย

“เจนี่” ถือฤกษ์ดี ปลงผมบวชสามเณรี ญาติมิตรร่วมอนุโมทนา

สระบุรี 1 ก.ค. – “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์” วัย 44 ปี ถือฤกษ์งามยามดี เช้าวันนี้ (1 ก.ค.68) ปลงผมบวชสามเณรี ในโครงการบรรพชาสามเณรี รุ่นที่ 3 บริเวณปะรำพิธี ณ ศรีวรญาลัย จ.สระบุรี โดยมีครอบครัว ญาติสนิท ผู้หลักผู้ใหญ่ที่นับถือ และเพื่อนพ้องทั้งในและนอกวงการ ร่วมอนุโมทนา. – สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. ยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติ

ทำเนียบ 1 ก.ค.-นายกฯ แถลงน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้แจงเต็มที่ ยืนยันเกิน 100% ทำเพื่อประเทศชาติและรักษาอธิปไตย ไม่มีเจตนาอยากได้อะไรเป็นของตัวเอง พร้อมขอโทษ หากวิธีการไม่ถูกใจใครหลายคน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องไว้วินิจฉัย กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซ็น และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ด้วยมติ 7:2 ว่า ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลต่อจากนี้ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งระยะเวลานั้นไม่แน่ใจ แต่มีเวลาประมาณ 15 วันที่จะชี้แจง ตนจะทำให้เต็มที่ในการที่จะบอกความตั้งใจที่แท้จริงว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่า ความตั้งใจและเจตนาจริงๆ เกิน 100% ว่าตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อรักษาไว้เพื่ออธิปไตยของเรา เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตของกองทัพและทหารทุกคน เพื่อสันติภาพที่จะเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนมั่นใจในสิ่งนี้มากๆ แต่วิธีการที่ตนเองทำ อาจจะมีทั้งถูกใจหรือไม่ถูกใจใครหลายๆ คน แต่ก็จะพยายามพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้ ว่าเป็นความตั้งใจ เป็นความพยายามเกิน 100% ที่จะทำเพื่อประเทศชาติจริงๆ เจตนาไม่มีอยากได้อะไรของตัวเองเลย และคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายและ ทำอย่างไรที่จะไม่ต้องสู้รบกัน ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ และตนก็คงรับไม่ได้หากพูดอะไรกับทางผู้นำและทำให้เกิดผลเสีย เกิดการทะเลาะหรือโกรธเคือง อันนั้นเป็นความตั้งใจจริงๆ ถ้าลองฟังดูจริงๆ ก็จะรู้ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพราะฉะนั้นนี่คือ […]