สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดตั้งกองทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ ช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

กรุงเทพ 2 เม.ย.  – กลุ่มธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ประกาศตั้งกองทุนมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19


กลุ่มธนาคารฯ จะบริจาคเงิน 25 ล้านเหรียญสหรัฐทันที เพื่อใช้ในภารกิจบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนจากการแพร่ระบาดในประเทศที่ได้รับผลกระทบในระดับสูง โดยระยะกลางได้จัดสรรงบประมาณอีก 25 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยภาคส่วนต่าง ๆ ในการฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากระบาดของไวรัสนี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะมาจากเงินบริจาคที่จะได้รับจากพนักงานและผู้บริจาคอื่น ๆ และธนาคารจะสมทบเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 50 ล้านเหรียญสหรัฐของกองทุน ซึ่งคณะกรรมการและผู้บริหารของกลุ่มธนาคารฯ จะร่วมบริจาคด้วยเงินส่วนตัวเพื่อเข้ากองทุนนี้อีกด้วย  ก่อนหน้านี้ธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ดบางประเทศและระดับภูมิภาคได้ร่วมบริจาคเป็นจำนวน 1.85 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากโควิด-19

นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารฯ ได้เปิดตัวโครงการช่วยเหลือธุรกิจและดูแลความเป็นอยู่ของลูกค้า ตลอดจนพนักงานกว่า 84,000 คนทั่วโลก เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มธนาคารฯ ได้ประกาศตั้งงบ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้เงินกู้ สินเชื่อเพื่อการนำเข้า/ส่งออก และเงินทุนหมุนเวียนอัตราดอกเบี้ยพิเศษแก่ธุรกิจที่ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าและให้บริการ เพื่อช่วยฝ่าวิกฤตโควิด-19 รวมทั้งให้การช่วยเหลือธุรกิจที่เปลี่ยนสายการผลิตเพื่อผลิตสินค้าที่ช่วยบรรเทาการแพร่ระบาดโรคไวรัส


บริษัทที่เข้าข่ายจะได้รับการสนับสนุนนี้ ได้แก่ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายในธุรกิจด้านยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงบริษัทที่อยู่ในธุรกิจอื่น ๆ ที่อาสาจะนำกำลังการผลิตของตนมาใช้ผลิตสินค้าเวชภัณฑ์ต่าง ๆ โดยสินค้าที่อยู่ในขอบข่าย ได้แก่ เครื่องช่วยหายใจ  หน้ากากอนามัย อุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์และอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัย  ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐจะมีการแจ้งให้ทราบในลำดับต่อไป

นางสาวจูดี้ ซู ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า ธนาคารจะนำเงินจากกองทุนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมอบแก่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเร่งด่วนในปัจจุบัน ขณะเดียวกันกองทุนนี้จะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟู เพื่อให้ทุกภาคส่วนฟื้นตัวกลับมาได้ในอนาคต ซึ่งกองทุน 50 ล้านเหรียญสหรัฐนี้เป็นงบเพิ่มเติมจากงบประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่กลุ่มธนาคารฯ ได้แสดงเจตจำนงค์จะสนับสนุนธุรกิจที่มีเป้าหมายจะแก้ปัญหาโรคระบาดนี้  ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคเอเชียมากว่า 160 ปี  กำลังเผชิญสถานการณ์นี้ร่วมกัน และจะทุ่มเทศักยภาพและความสามารถ เพื่อความปลอดภัยในระยะยาวและเพื่อความก้าวหน้าของสังคม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง