ซิดนีย์ 2 เม.ย.- หลายรัฐในออสเตรเลียประกาศกำหนดเวลาที่ชัดเจนในการใช้มาตรการเข้มงวดการเดินทางและการห้ามรวมตัวที่สาธารณะเกิน 2 คน หลังจากบังคับใช้ไปก่อนแล้วเพื่อควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ระบาด
หลายรัฐในออสเตรเลียให้ตำรวจปรับสูงสุด 11,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 221,565 บาท) กับผู้ฝ่าฝืนคำสั่งรัฐบาลกลาง รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุดเกือบ 1 ใน 3 ของทั้งประเทศ 25 ล้านคนลงโทษจำคุกสูงสุด 6 เดือนด้วย หลายรัฐเริ่มปรับผู้ต้องสงสัยฝ่าฝืนไปแล้ว เป็นมาตรการที่ทางการเองระบุว่าเข้มงวดกวดขันมาก ล่าสุดผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงวันนี้ว่า จะบังคับใช้มาตรการนี้เป็นเวลา 90 วัน ส่วนรัฐวิกตอเรียที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองเผยว่า การเข้มงวดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอาจกินเวลานานจนถึงเดือนมิถุนายน แต่ไม่ได้กำหนดวันชัดเจน
ออสเตรเลียสั่งปิดร้านอาหาร สถานบันเทิง สั่งให้คนอยู่ในบ้านยกเว้นออกไปซื้ออาหารหรือออกกำลังกาย หวังควบคุมโควิด-19 ระบาดที่มีผู้ติดเชื้อในประเทศแล้วกว่า 5,200 คน เสียชีวิต 23 คน มาตรการเหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจทรุดหนัก คนจำนวนมากตกงาน และกระทบต่อการลงทุน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยว่า อัตราการติดเชื้อดูเหมือนจะชะลอลงในช่วงหลายวันมานี้ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะแน่ใจได้
ส่วนเรือสำราญต่างชาติที่เป็นต้นเหตุผู้ป่วยร้อยละ 20 ในออสเตรเลียนั้น ทางการได้สั่งห้ามเทียบท่าหมดทุกลำ ขณะนี้มีเรือสำราญ 8 ลำลอยลำอยู่นอกชายฝั่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ ไม่ยอมออกจากน่านน้ำตามคำสั่ง ทางการเตรียมจัดส่งคณะแพทย์ไปตรวจบนคนเรือโดยส่งไปทางอากาศแบบปฏิบัติการทางทหาร ขณะที่รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียก็มีเรือสำราญไม่ยอมออกจากน่านน้ำเช่นกัน สหภาพการเดินเรือออสเตรเลียแจ้งว่า มีเรือสำราญต่างชาติลอยลำอยู่ในน่านน้ำออสเตรเลียทั้งหมด 11 ลำ ลูกเรือรวมทั้งหมด 11,000 คน สถานการณ์บนเรือใกล้ถึงจุดวิกฤตด้านมนุษยธรรม.- สำนักข่าวไทย