สปสช.จัดงบกว่า 4พันล้านหนุน รพ.พร้อมรับมือโควิด-19

สปสช.30มี.ค.-สปสช.จัดงบ 4,280 ล้านบาทให้โรงพยาบาลเป็นค่ารักษา พยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง พร้อมเตรียมจัดทำแนวทางการจ่ายชดเชยกรณีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่ต้องกักตัวที่บ้านและกรณีผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงที่โรงพยาบาลส่งไปแอดมิทต่อที่โรงแรมในสถานการณ์ที่มีการระบาดเพิ่มมากขึ้น


นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่ง ชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส      โควิด-19 สปสช.ได้รับอนุมัติงบกลางจากรัฐบาล 3,260 ล้านบาท รวมกับงบ สปสช. อีก1,020 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4,280 ล้านบาทเพื่อใช้สำหรับจ่ายชดเชยค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 แก่สถานพยาบาล โดยจะเป็นการจ่ายเพิ่มจากอัตราเดิม ตามรายการการจ่ายแบบ Fee Schedule หรือจ่ายตามเงื่อนไขรายการเพดานราคาที่กำหนด ครอบคลุม ค่าแล็บ ค่าชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ค่ายา ค่าห้องควบคุม และค่ารถส่งต่อ ขณะนี้ได้จัดทำหลักเกณฑ์การจ่ายเสร็จเรียบร้อย รอเพียง รมว.สาธารณสุขลงนาม ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับชุด Screening test หรือชุดทดสอบเบื้องต้นนั้น  อยู่ระหว่างรอความชัดเจนด้านวิชาการ แต่จากตัวเลขประมาณการณ์ผู้ป่วยแล้วคิดว่า สปสช.มีงบประมาณเพียงพอ


ส่วนกรณีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น จนต้องจัดสถานที่แก่ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงนอกเหนือจากโรงพยาบาล เช่น ห้องแยกผู้ป่วยรวมหลายเตียง (Cohort ward) และโรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงนั้น นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า  สามารถจ่ายได้ตามระบบกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม หรือ DRG และรายการ on top หรือการจ่ายเพิ่มเติม หรือในกรณีที่เป็นโรงแรม หรือ โรงเรียน ถ้าเป็นการดูแลรักษาภายในความดูแลของโรงพยาบาลสามารถเบิกจ่ายได้โดยโรงพยาบาลแม่ และสำหรับผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่ต้องกักตัวที่บ้าน (Home quarantine) คาดว่าจะสามารถจ่ายได้จากระบบ Home health care/Home visit หรือการบริการดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้าน/การเยี่ยมบ้านผู้ป่วย ซึ่งจ่ายจากงบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่สามารถจ่ายได้ทุกสิทธิ์รักษาพยาบาลของประชาชน 


ทั้งนี้ หลังจากนี้ สปสช.จะดำเนินการจัดทำข้อเสนอสำหรับ แนวทางการจ่ายชดเชยกรณี Home health care /Home Visit (การบริการดูแลสุขภาพผู้ป่วยที่บ้าน/การเยี่ยมบ้านผู้ป่วย) และกรณีที่โรงพยาบาลส่งไปแอดมิท หรือรักษาเป็นผู้ป่วยในที่โรงแรมต่อไป รวมทั้งจะจัดทำระบบประสานเตียงและการสื่อสารสำหรับประชาชนโดย Call Center สายด่วน สปสช.โทร.1330 เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลราชวิถี  ซึ่งเป็นศูนย์ประสานเตียงของโรงพยาบาลทุกสังกัดในพื้นที่ กทม. ในขณะนี้.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง