จ่อดำเนินคดีกลุ่มวัยรุ่นเบิ้ลเครื่องรถ จยย.หน้าเมรุเผาศพ

ภูเก็ต 17 ก.พ.- จวกเละ! กรณีกลุ่มวัยรุ่นเบิ้ลเครื่องรถจักรยานยนต์หน้าเมรุวัดฉลอง จ.ภูเก็ต แสดงความอาลัยรุ่นพี่ เรียกร้องตำรวจจัดการกลุ่มเด็กแว้น ไวยาวัจกรวัดรับเกิดขึ้นจริง ด้าน ผกก.สภ.ฉลอง สั่งการชุดสืบสวนออกติดตามกลุ่มคนในคลิปดำเนินคดี เบื้องต้นมีอยู่ประมาณ 30-40 คัน ผิดฐานสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ดัดแปลงสภาพรถ มีโทษปรับตาม พ.ร.บ.จราจร


จากกรณีวีดิโอคลิปความยาวประมาณ 1.05 นาที พร้อมข้อความระบุว่า “R.I.P.มอสผัง หลับให้สบายนะ ชาติหน้าเกิดมาก็ขอให้เกิดมาเป็นรุ่นพี่อีกนะครับ” โดยในคลิปวิดีโอที่โพสต์พบว่าเป็นภาพขณะที่กลุ่มวัยรุ่นกำลังเบิ้ลเครื่องรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันเสียงดังสนั่นอยู่ที่หน้าเมรุของวัดแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต คล้ายเป็นการแสดงความอาลัยแก่เพื่อนรุ่นพี่ผู้เสียชีวิต ก่อนจะมีการเผาศพ


ล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่วัดไชยธารารามหรือ (วัดฉลอง) อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุตามคลิปดังกล่าว จากการสอบถามนายชัยวัฒน์ ชัชเวช ไวยาวัจกรของวัดไชยธาราราม หรือวัดฉลอง กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวนั้นยอมรับว่าเกิดขึ้นจริง โดยเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 15 ก.พ.63 ในวันนั้นตนเองเป็นผู้กล่าวนำในพิธีสวด แต่ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตามคลิป เนื่องจากออกจากพิธีไปก่อน


แต่จากการสอบถามพระลูกวัดที่อยู่ในพิธีเล่าว่า ขณะที่กำลังนำศพขึ้นเมรุ ก่อนเผา กลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิต ได้นำรถจักรยานยนต์ประมาณ 30 คัน มาจอดที่ด้านข้างเมรุก่อนเบิ้ลเครื่องเสียงดัง จากนั้นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ร่วมงานสั่งให้หยุดกลุ่มวัยรุ่นให้ความร่วมมือและขับขี่ออกไป โดยระหว่างที่ขับขี่ออกไปก็มีการเบิ้ลเครื่องยนต์ไปด้วยตามคลิปที่ปรากฏในโซเชียล ทางวัดเองยอมรับว่า ไม่คาดคิดว่าจะมีการเบิ้ลเครื่องรถแสดงอาลัย เนื่องจากไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า

อย่างไรก็ตาม จากเหตุที่เกิดขึ้นนั้นวัดต้องขอแสดงความเสียใจที่ปล่อยปละละเลย และนอกจากนี้ เจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดมีการหารือเตรียมกำหนดระเบียบหลักเกณฑ์เพื่อแจ้งให้ผู้ที่จะมาตั้งบำเพ็ญกุศลศพ หรือฌาปนกิจศพ ห้ามกระทำการแสดงอาลัยในลักษณะดังกล่าวแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.สราวุธ ชูประสิทธิ์ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า การกระทำในลักษณะดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ฉลอง ออกติดตามกลุ่มคนในคลิปดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมาย เบื้องต้นมีอยู่ประมาณ 30-40 คัน เป็นการกระทำผิดฐานสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ผู้อื่น ดัดแปลงสภาพรถ ท่อเสียงดัง ซึ่งเป็นโทษปรับตาม พ.ร.บ.จราจร

พร้อมฝากเตือนไปถึงพี่น้องประชาชนเพื่อช่วยตักเตือนบุตรหลาน อย่ากระทำทั้งเรื่องการแสดงอาลัยในลักษณะดังกล่าว การดัดแปลงสภาพรถ หรือการแข่งขันรถในรายทางต่างๆ สร้างความเดือดร้อน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้มงวดกวดขันให้มากยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง