กรมควบคุมโรค เผยไทยพบผู้ป่วยจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้ารายแรก

กทม.7ธ.ค.-กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลผู้ป่วยรายแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการวินิจฉัย โรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า (EVALI) พร้อมย้ำทีมสาธารณสุขเฝ้าระวังภาวะฉุกเฉินรับมือผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า 


นายแพทย์อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค กรมควบคุมโรค ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรค พบผู้ป่วยเพศชาย อายุ 48 ปี ได้รับการส่งตัวมารักษายังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ด้วยอาการหอบเหนื่อยมากขึ้น และระบบการหายใจล้มเหลว จากการสอบสวนโรค พบว่า ผู้ป่วยเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าชนิดที่มีส่วนผสมของกัญชา โดยสูบก่อนนอนทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย. 62 โดยวันที่ 10 พ.ย. 62  ผู้ป่วยเริ่มมีอาการหอบเหนื่อย อ่อนเพลีย มีไข้ และเจ็บหน้าอก โดยอาการหอบเหนื่อยเป็นมากขึ้นในวันที่ 15 พ.ย. 62 จึงได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และได้รับการส่งตัวมารักษาต่อยังโรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งในวันที่ 18 พ.ย. 62 เนื่องจากผลทางห้องปฏิบัติการ ตรวจไม่พบการติดเชื้อในปอด และอาการของผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การวินิจฉัยโรคปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้า ตามแนวทางของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (US-CDC) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอดและระบบการหายใจ จึงได้ให้การวินิจฉัยว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นโรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งผู้ป่วยได้การรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ทางหลอดเลือดดำ และได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น ตอบสนองต่อการรักษา และสามารถไปพักรักษาตัวต่อที่บ้านได้

ด้านรองศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการหายใจและภาวะวิกฤต กล่าวถึงสถานการณ์การพบผู้โรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัยโรคปอดอักเสบจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้ารายอื่นๆ อีก ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการติดตามอย่างต่อเนื่องถึงผลการวินิจฉัยที่แน่นอนว่าอาการดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อจากโรคประจำตัวเดิม หรือจากยาอื่น ที่ผู้ป่วยได้รับอยู่ก่อน โดยประเด็นนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอดและระบบการหายใจ และแพทย์ในสถานพยาบาลทุกภาคส่วนในการติดตาม รวมถึงรายงานผู้ป่วยต้องสงสัย 


ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือไปยังสถานพยาบาลทั่วประเทศ หากพบผู้ป่วยเข้าข่ายโรคปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้า สามารถรายงานมายังกรมควบคุมโรค ซึ่งขณะนี้กรมควบคุมโรคอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมระบบรายงานโรคและภัยสุขภาพ ให้สถานพยาบาลทุกแห่งสามารถใช้ได้ครอบคลุมทั้งประเทศ หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย ในการวินิจฉัยหรือการรักษา สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตามระบบการให้คำปรึกษาของกระทรวงสาธารณสุขของเขตบริการสุขภาพ หรือปรึกษาไปยังสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค 0 2590 3850 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง