“สมศักดิ์” ชงยึดทรัพย์ผู้ค้ายา เพิ่มตัวชี้วัด 6,000 คดี/ปี

รัฐสภา 3 ต.ค.- “สมศักดิ์” ชงรุกหนักยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด เพิ่มตัวชี้วัด 6,000 คดี/ปี เชื่อปัญหาคลี่คลาย รัฐไม่ต้องเสียงบประมาณเพิ่มเตียงบำบัด ขณะที่ “วันนอร์” ร่วมแจม แนะตั้งเคพีไอ 6 เดือน ปัญหาต้องลดลง วอนทุกฝ่ายร่วมบูรณาการ สงสารชาวบ้านลูกติดยาเหมือนตกนรกทั้งเป็น


ในการประสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้ถามสดด้วยวาจาของนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ขอให้แก้ปัญหาศูนย์บําบัดยาเสพติดไม่เพียงพอต่อการรักษาว่า ศักยภาพรองรับผู้ป่วยของกระทรวงสาธารสุข สามารถองรับผู้ป่วยมีจำนวน 10,568 เตียง มีผู้เข้ารับการบำบัด จำนวน 6000 ราย คิดเป็นผู้รับการบำบัด 60% ยังมีเตียงว่างอยู่ 4681 เตียง จำนวนผู้ป่วยที่มีความหนาแน่นมากๆ โดยเฉพาะโคราช เพิ่มอีก 30 เตียง สุรินทร์เพิ่มอีก 10 เตียง กาฬสินธุ์เพิ่มอีก 10 เตียง มีการขยายเตียงเพิ่มมากขึ้นแต่สำหรับในจังหวัดนครพนมยังไม่ล้นแต่เกือบประมาณ 90% ซึ่งท่านก็ถามกระทู้ก็ถูกต้องนะครับแต่เราก็พยามนะครับที่จะแก้ไขโดยเพิ่มเปิดโรงพยาบาลบาลมินิธัญญาลักษณ์เพิ่มอีกหนึ่งแห่งในอำเภอเรณูนคร จ.นครพนม จะเพิ่มเปลี่ยนขึ้นมาอีก 8 เตียง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องของการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นรูปธรรม ในปีงบประมาณที่แล้วรัฐบาลได้ใช้มาตรการในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องของการยึดทรัพย์ ซึ่งตนเป็นคนเสนอในคณะกรรมการปปส.ในสมัยนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ แต่ยังตั้งตัวชี้วัดไว้น้อย คือในภาคหนึ่งตั้งเป้าไว้แค่ 50 คดี ใน 50 คดี นี้เป็นคดีที่ดำเนินการแล้วมีผลเกี่ยวกับเรื่องของการยึดทรัพย์ ถ้าหากว่าเราได้ดำเนินการตัวชี้วัดในการดำเนินการอย่างเต็มที่แล้วจะเห็นผลและตนก็มั่นใจว่าเตียงที่ไม่พอกับการบำบัดที่ท่านถามจะหมดไป เพราะว่าถ้าเราคิดแต่ เรื่องบำบัดมันเป็นปลายน้ำ ถ้าเราไม่ทำต้นน้ำ ปัญหาของก็จะรุมเร้ามากขึ้น ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด


“ในปีงบประมาณ 67 นับตั้งแต่ 1 ต.ค.66 ถึง 31 ส.ค.67 ตัวชี้วัดตั้งไว้แค่ 600 คดี แต่ดำเนินการไปได้สบาย 2000 กว่าคดี โดยนายกฯ รับแนวทางการยึดทรัพย์แบบ แวลูเบส ถ้าเราเอาแนวทางนี้มานำหน้า ตนเสนอให้เพิ่มตัวชี้วัดออกไปเป็นจังหวัดละ 50 คดี ซึ่งก็น้อยมาเดิมเดียวก็เอาภาคละ 50 เป็นภาค 500 คดี รวม 6000 คดีต่อปี เตียงที่เราบอกว่ามันจะไม่พอแล้วเนี่ยมันจะเหลือทันทีเลยเพราะว่าไม่มีคนขายคนขายแต่ละคนจะถูกยึดทรัพย์ ยามันก็จะลดลงมา การตั้งตัวชี้วัดไว้ 6,000 คดีต่อปี ตนว่าไม่เกิน 3 ปี เราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พื้นที่ในเรื่องของการบำบัดให้มันเหนื่อย ส่วนรายย่อยนำมาบำบัดฟื้นฟู สืบสวนถึงรายใหญ่กับเขา มันจะจบเรื่องปัญหายาเสพติดจะหมดไปได้โดยวิธีการและแนวทางของรัฐบาลที่ทำได้ผล” นายสมศักดิ์กล่าว

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ ยังได้ร่วมอภิปรายว่า เห็นใจนายสมศักดิ์ ท่านเป็นปลายน้ำไป ถ้าต้นน้ำไม่ลดลง ส่งมาเรื่อยๆ ท่านทำเท่าไรก็ไม่พอ ทุกหน่วยงานต้องบูรณการ ถ้าเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติ ปปส.ไม่เพียงพอ พระเอกต้องตำรวจมหาดไทยกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งเห็นว่าการยึดทรัพย์เป็นแนวทางที่ทำให้ยาเสพติดลดลง และเสนอให้มีการตั้งเคพีไอ 6 เดือน

“เมื่อน้ำลดแล้วต้องเอายาเสพติดลดให้ได้ อันนี้ก็ต้องฝากกัน เห็นนายกฯว่าเอาจริงเอาจังแล้วผมอยากให้ว่ามีการกำหนดเวลา 6 เดือน ไม่ต้องให้ สส.มาบ่นอีกเพราะเราได้ร่วมมือ ผมอยากให้ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกัน เพราะเป็นทุกข์ของชาวบ้าน เรื่องยาบ้าไม่มีลูกหลานติดก็ไม่รู้ พอติดเริ่มเป็นทุกข์เท่ากับตกนรกทั้งเป็น ดังนั้นขอให้ทำสำเร็จในรัฐบาลนี้ ”นายวันนอร์มูหะมัดนอร์กล่าว


ภายหลังนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวจบ สส.ได้ปรบมือให้ และเป็นครั้งแรกที่ประธานสภาฯ ได้ร่วมสะท้อนปัญหายาเสพติด

นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้ตอบกระทู้ถามแยกเฉพาะของสส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ที่ตั้งกระทู้เรื่อง การก่อสร้างโรงพยาบาลหางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ แห่งใหม่ และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนักอย่างไร หากโรงพยาบาลหางดงไม่เพียงพอต่อการให้บริการ ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ของบประมาณในการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก วินิจฉัยและบำบัด 5 ชั้น วงเงินกว่า 317 ล้านบาท ในปีงบประมาณนี้แล้ว แต่ไม่ได้รับการจัดสรร ซึ่งในปีงบประมาณ 2569 ก็จะขอให้ต่อไป ส่วนกรณีเตียงไม่เพียงพอ มีการส่งต่อตามนโยบายเขตสุขภาพที่ 1 โดยจากรพ.หางดง ส่งต่อไปยัง รพ.นครพิงค์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ รพ.ประสาทเชียงใหม่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ถ้าสร้างโรงพยาบาลตามใจโรค สร้างเท่าไรก็ไม่เพียงพอ เราต้องเบรกให้มีจำนวนผู้ป่วยลดลง ดังนั้นตนจึงมีนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในปีงบประมาณนี้ที่จะทำเรื่องลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCD ที่จะให้ อสม.กว่า 1 ล้านคน เป็นแกนนำหลักที่จะเข้าไปให้ความรู้ประชาขน เรื่องการบริโภคอาหาร การดูแลสุขภาพ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยลง.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]