กรุงเทพฯ 29 ส.ค. – หอการค้าไทยประกาศขับเคลื่อน Circular Economy จัดการปัญหาขยะ และของเหลือใช้ โดยเฉพาะ “ขยะพลาสติก” และ “ขยะอาหาร” พร้อมเสนอให้ออกกฎหมายเลิกใช้โฟม เก็บเงินหากใช้ถุงพลาสติก
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน Circular Economy หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยที่มีสมาชิกกว่า 120,000 ราย กำลังขับเคลื่อนนโยบาย Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการขยะพลาสติกและขยะอาหารแบบบูรณาการ โดยจะดำเนินการร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานเอกชนอื่น ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้ว่าจ้างให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ศึกษาที่มาและมาตรการจัดการปัญหาขยะทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “ขยะพลาสติก” และ “ขยะอาหาร” ก็เป็นปัญหาใหญ่ เพราะประมาณร้อยละ 60 ของขยะมูลฝอยทั้งหมดมาจากขยะอาหาร หากจัดการแยกขยะอาหารไม่ถูกต้องจะส่งผลกระทบต่อการจัดการขยะโดยรวม
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน TDRI กล่าวว่า แหล่งที่มาของขยะทะเลสำคัญในไทย ประกอบด้วย ชุมชนหรือร้านค้าที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำและริมชายฝั่ง การท่องเที่ยวริมชายหาด และขยะจากหลุมฝังกลบที่จัดการไม่ถูกต้อง ขยะยังมาจากเรือประมง เรือขนส่งสินค้า ประเทศเพื่อนบ้าน โดยประเภทขยะที่พบมากที่สุด คือ ถุงพลาสติก กล่องโฟม ถุงก๊อบแก๊บ จึงขอเสนอให้รัฐบาลประกาศเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะเป็น “วาระแห่งชาติ” และควรออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาขยะ เช่น การเลิกใช้โฟม การเก็บเงินหากใช้ถุงพลาสติก การมัดจำขวด เป็นต้น ขณะที่ภาครัฐและภาคเอกชนต้องร่วมกันรณรงค์ลดการสร้างขยะ พร้อมส่งเสริมการแยกขยะ
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และกรรมการขับเคลื่อน Circular Economy หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเห็น และร่วมกันกำหนดจุดยืนเพื่อขับเคลื่อน Circular Economy ให้เป็นรูปธรรม โดยเห็นว่าการดำเนินการจะสำเร็จต้องรณรงค์ให้ความรู้ เปลี่ยน Mindset หรือความเชื่อที่มีผลต่อพฤติกรรม เน้น 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนและนักศึกษา เช่น บรรจุในบทเรียน จัดทำ Board Game และนำโมเดลโรงเรียนต้นแบบมาเผยแพร่
ส่วนประชาชนทั่วไป ประกอบด้วย ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว โดยใช้ Social Media, Influencers, YouTubers รวมถึงพระสงฆ์และวัด ให้เข้ามามีส่วนร่วม ส่วนการแยกขยะ เช่น จัดตั้งถังแยกขยะในจุดที่เหมาะสม โดยร่วมมือกับภาครัฐและเครือข่าย และการลด Food Waste (ขยะอาหาร) ในภาคการค้าและบริการ เช่น โรงแรม โดยการเผยแพร่ Best Practice ขององค์กรที่มีการบริหารจัดการ Food Waste ที่มีประสิทธิภาพ และการนำ Food Surplus (อาหารเหลือที่สามารถบริโภคได้) บริจาคผู้ขาดแคลน.-สำนักข่าวไทย