fbpx

หอการค้าฯ ชี้เงินบาทแข็งค่าแรง-เร็ว กระทบส่งออก-สินค้าเกษตร-ท่องเที่ยว

หอการค้าฯ 23 ก.ย. – หอการค้าไทย ชี้เงินบาทแข็งค่าแรง เร็ว กระทบส่งออก-สินค้าเกษตร-ท่องเที่ยว กระตุกแรงเป็นหน้าที่ คลัง-ธปท.ต้องจับเข่าคุยแก้ปัญหา มองขึ้นค่าแรงควรเป็นปีหน้า ระบุแม้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ แต่ยังมีปัญหาน้ำท่วม คาดหนุนจีดีพีโตเพิ่ม 0.2-0.3% ส่งผลทั้งปี 67 โต 2.6-2.8%


นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าหลังจากการเข้าพบนายกรัฐมนตรี และได้ยื่นสมุดปกขาว รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ประกาศ 10 นโยบายนั้น ซึ่งหลายมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ตรงกับข้อเสนอแนะแนวทางของหอการค้าไทยที่อยู่ระหว่างดำเนินการควบคู่ไปกับรัฐบาล เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนของกลุ่มเปราะบาง จะทำให้เกิดการใช้จ่ายทันที มาตรการเร่งแก้หนี้ ทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบ โดยหอการค้าฯ มีแผนจะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพูดคุยและหาแนวทางที่เหมาะสมในการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว พร้อมฝากถึงรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 และ 68 โดยเฉพาะงบการลงทุนและก่อสร้าง ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ โดยหอการค้าฯ และเครือข่ายสมาชิกทั่วประเทศพร้อมสนับสนุนและทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงหน่วยงานภาคที่เกี่ยวข้อง อย่างใกล้ชิด

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิอเผยว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้น 8-10 % อย่างรวดเร็วและรุนแรงในระยะสั้น ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00 บาท (+-) ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก และภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น ค่าใช้จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก็จะสูงขึ้นตาม ทำให้การท่องเที่ยวไทยกลายเป็นจุดหมายที่มีราคาสูง และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยจะจับจ่ายใช้สอยน้อยลง เพราะรู้สึกว่าสินค้าและบริการแพงขึ้นกว่าปกติและอาจจะเลือกไปยังประเทศที่มีค่าเงินอ่อนกว่าและคุ้มค่ามากกว่า นั้น


ค่าเงินบาทที่ผันผวนในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยทันที โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก หรือ Local Content อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร กระทบขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดหรือการผลิตได้ เกิดความไม่แน่นอนและเพิ่มความเสี่ยงทางธุรกิจส่งออก

ทั้งนี้ หากค่าเงินบาทแข็งค่าเฉลี่ย 1% ต่อปี อาจมีผลกระทบต่อรายได้ผู้ส่งออกเกือบ 1 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นกว่า 0.5% ของ GDP ปกติ จึงขอให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำกับดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ผันผวนอย่างรุนแรงจนเกินไป ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคา

หอการค้าให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสินค้าราคาถูก ไม่มีคุณภาพ ที่ไหลทะลักเข้ามาในประเทศสร้างความเสียหายต่อผู้บริโภคและส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยโดยได้มีการหารือและอยู่ระหว่างประสานความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยในการติดตามดูแลสินค้าไทย-จีนและจัดทำโครงสร้างการค้าที่เป็นธรรมกับทั้งสองประเทศ


สำหรับประเด็นเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยหากจะปรับขึ้นเท่ากันทั้งหมด แต่อยากให้เป็นไปตามมติ คณะกรรมการค่าจ้าง ที่จะพิจารณาขึ้นค่าแรงตามความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทางหอการค้า มีความเห็นว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขึ้นค่าแรงควรเป็นปีหน้า ซึ่งโดยปกติแล้วมีการปรับขึ้นปีละ 1 ครั้ง ขณะที่ปีนี้มีการปรับขึ้นไปแล้ว 2 ครั้ง

ด้าน รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกลงแบบเร็ว-แรงที่ 0.50% จากอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 5.25-5.50% สู่ 4.75-5.00% ซึ่งหอการค้าฯ เห็นว่าน่าจะถึงเวลาที่ กนง.ควรพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทไม่แข็งค่าจนเกินไป ซึ่งจะช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการภาคการส่งออก และภาคท่องเที่ยวและบริการ สามารถที่แข่งขันได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม หอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินมูลค่าความเสียหายกรณีสถานการณ์น้ำท่วม ปี 2567 ประมาณ 21,577 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.12% ของ GDP (ข้อมูล ณ 18 ก.ย. 67) (สมมติให้สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายภายใน 15 วัน) โดยภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมถึง 18,226 ล้านบาท รองลงมาเป็นภาคบริการ เสียหาย 3,260 ล้านบาท และภาคอุตสาหกรรมเสียหาย 91 ล้านบาท

ทั้งนี้ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 กรณีนับรวมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในช่วง Q4 ของปีนี้ให้เติบโตราว 3.8 – 4.3% โดยทั้งปีจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นอีก 0.2 – 0.3% และทำให้ภาพรวม GDP ในปีนี้เติบโตจากเดิมที่คาดไว้ 2.5% เป็น 2.6 – 2.8% . -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รดน้ำศพอ๋อม อรรคพันธ์

บรรยากาศโศกเศร้า พิธีรดน้ำศพ “อ๋อม อรรคพันธ์”

บรรยากาศโศกเศร้า พิธีรดน้ำศพ “อ๋อม อรรคพันธ์” มีบุคคลในครอบครัว เพื่อนสนิท รวมถึงกลุ่มแฟนคลับ คนบันเทิงและผู้จัด ร่วมไว้อาลัย

บิ๊กแจ๊สชนะเลือกตั้ง

“บิ๊กแจ๊ส” แถลงขอบคุณทุกคะแนนที่ชนะขาด ลั่นพร้อมทำงานทันที

“บิ๊กแจ๊ส” ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ชนะขาด ฝากคิดคะแนนน้อยกว่าครั้งก่อน แต่ชนะทิ้งห่างกว่า 60,000 คะแนน

“ครูเบญ” กลับไปสอนโรงเรียนเดิม

กรณี “ครูเบญ” ร้องเรียนผลการสอบคัดเลือกบรรจุเป็นพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน สังกัด สพม.สระแก้ว กลับไปสอนโรงเรียนเดิม หลังผลการตรวจสอบคะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่ระเบียบกำหนดไว้

เมาแล้วขับ

กฎกระทรวงฯ ฉบับใหม่ อายุต่ำ 20 แอลกอฮอล์เกิน 20 MG% คือเมา

หลังจากราชกิจจาฯ เผยแพร่ กฎกระทรวงเกณฑ์ตรวจปัสสาวะ-ตรวจเลือด นักดื่มเมาแล้วขับฉบับใหม่ ต่อไปนี้ ผู้ขับขี่ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาแล้วขับ

ข่าวแนะนำ

ฟื้นฟูแม่สาย

ฝนตกหนัก อุปสรรคฟื้นฟูชายแดนแม่สาย

ฝนที่ตกหนักลงมาเมื่อเช้านี้ (23 ก.ย.) ทำให้การฟื้นฟูสภาพชุมชนชายแดนแม่สาย ซึ่งเต็มไปด้วยโคลน ยากลำบากมากขึ้น แม้จะมีการระดมกำลังคนและเครื่องจักรเข้าพื้นที่เพิ่มมากขึ้น

อุตุฯ เตือนทั่วไทย ฝนตกหนักมากบางพื้นที่ กทม.ฟ้าคะนอง 80%

กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 80% และมีฝนตกหนักบางแห่ง

บิ๊กแจ๊สชนะเลือกตั้ง

“บิ๊กแจ๊ส” แถลงขอบคุณทุกคะแนนที่ชนะขาด ลั่นพร้อมทำงานทันที

“บิ๊กแจ๊ส” ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ชนะขาด ฝากคิดคะแนนน้อยกว่าครั้งก่อน แต่ชนะทิ้งห่างกว่า 60,000 คะแนน